สมอ้างเหยื่ออีก 89 คน “ทวี” ดึงคนนอกร่วมทีม บี้สอบสินบน “ดีเอสไอ”

“ทนายวิฑูรย์” รับออเดอร์ “บอสพอล” แจ้งจับแล้ว “เจ๊พัช-ฟิล์ม” กรรโชกทรัพย์ รีด 20 ล. ออก “โหนกระแส” จ่อเอาผิดเพิ่ม 89 คน ร่วมก๊วนกรรโชกแอบอ้างเป็นผู้เสียหาย ส่วน “เจ๊พัช” นอนคุกคืนแรก โทรโข่งราชทัณฑ์แจงไม่เครียด อยู่ในช่วงแยกแดนกักโรค 5 วัน ตอนนี้ยังไม่เจอ “บอสปัน” ด้าน “โฆษกดีเอสไอ” รับได้คลิปเสียงสาวอ้างจ่ายสินบน 10 ล้านบาทแล้วอยู่ระหว่างพิสูจน์ เตรียมเข้าเค้น “เจ๊พัช” ในเรือนจำต้นตอคำพูด “ทวี” สั่งดีเอสไอ ตั้ง คกก.ดึงคนนอกร่วมสอบปมฉาวหวังสาวถึงคนบงการตัวจริง “รัฐมนตรีน้ำ” เผยปมถอนใบอนุญาตดิ ไอคอน ส่งถามกฤษฎีกาเพื่อความรัดกุมและเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนกรณี “เทวดา สคบ.” ขยายเวลาสอบอีก 30 วัน

ภายหลังตำรวจกองปราบฯคุมตัว “เจ๊พัช-กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์” ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ ฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว ก่อนถูกส่งตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง หลังนักร้องเรียนสาวคนดังถูกจับเป็นคดีแรกที่ถูกกล่าวหาในความผิดฐาน “กรรโชกทรัพย์” และ “เป็นตัวกลางเรียกรับสินบน” จากการแอบอ้างเรียกเงิน 7.5 แสนบาท จากบอสพอล-นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด อ้างเป็นค่าวิ่งเต้นจ่ายให้ตำรวจไซเบอร์ 3 แสนบาทและค่าดำเนินการส่วนตัว 4.5 แสนบาท ไม่ให้ทำคดีที่ผูุ้้เสียหายไปแจ้งความ ส่วนคดีเรียกรับอื่นๆไม่ว่าจะเป็นคดีเรียก 10 ล้านบาท อ้างเป็นค่าเยียวยาเหยื่อ ดิ ไอคอน กรุ๊ป และร่วมกับ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เรียกอีก 20 ล้านบาท ค่าออกรายการดังช่อง 3 รวมทั้งคดีอ้างชื่อดูแล น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนผู้ถูกพาดพิงต้องเข้าแจ้งเป็นคดีความอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางตามที่เสนอข่าวไปนั้น

“รองเต่า” รอดิ ไอคอนแจ้งเพิ่ม

ความคืบหน้าล่าสุดถึงการทำงานของตำรวจสอบสวนกลาง ในส่วนคดีตบทรัพย์ บ.ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า ได้รับการประสานมาจากนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล และบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า วันนี้จะไปพบ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือ “บอสปัน” เพื่อขอให้เซ็นมอบอำนาจก่อนเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้

คดี “เจ๊พัช” มีอีก 3 คดี

เมื่อถามว่าหลังทนายเข้าแจ้งความแล้วจะดำเนินการทันทีเลยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประชุมคณะทำงานไปแล้ว พบว่า คดีที่เหลือของ น.ส.กฤษอนงค์ มี 3 คดี เรื่องแรกคือปมคลิปเสียงเงิน 20 ล้าน เรื่องที่ 2 คือ คดีหมิ่นประมาทที่มีคลิปเสียงพาดพิงถึง น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีน้ำ และเรื่องคลิปเสียงหมิ่นประมาทหนุ่ม-กรรชัย ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานพยายามให้แล้วเสร็จใน 10 วัน จะเร่งเข้าไปสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องในเรือนจำด้วย

มีมูล “ฟิล์ม–รัฐภูมิ” พันรีด 20 ล.

ส่วนนายฟิล์ม-รัฐภูมิ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องคลิปเสียงตบทรัพย์ 20 ล้านนั้น บอกว่า อยู่ที่ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นคลิปเสียงของเจ้าตัวจริงหรือไม่ แต่จากพยานหลักฐานที่รวบรวมมาก็เชื่อว่ามีมูล ส่วนเรื่องข้อหาจากการพิจารณาเนื้อหาคลิปเสียงแล้วอาจเข้าข่ายข้อหา “พยายามกรรโชกทรัพย์” หากมีความชัดเจนในส่วนของการแจ้งข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับ น.ส.กฤษอนงค์ หากแจ้งข้อหาได้ก็จะเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เพราะขณะนี้เจ้าตัวถูกฝากขังไม่ได้รับการประกันตัว

แจ้งจับ “เจ๊พัช-ฟิล์ม” แล้ว

ต่อมาเวลา 15.50 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เข้าแจ้งความเอาผิด น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง และฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ กรณีที่ปรากฏคลิปเสียงแอบอ้างชื่อ นายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม-กรรชัย เพื่อเรียก รับเงิน 20 ล้านบาท โดยนายวิฑูรย์กล่าวว่า ได้รับ มอบอำนาจจากบอสพอลในนามนิติบุคคลบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ให้แจ้งความเอาผิดกับ น.ส.กฤษอนงค์ และฟิล์ม-รัฐภูมิ ข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ออเดอร์นี้ เป็นออเดอร์พิเศษนอกเหนือจากการดำเนินคดีหลักที่ตนเคยชี้แจงกับสื่อ ยังไม่ทราบว่าคลิปเสียงดังกล่าว ในคดีนี้หลุดไปที่หนุ่ม-กรรชัยได้อย่างไร คาดว่าจะเกิดจากลมเพลมพัดเพราะช่วงนั้นมรสุมมันแรง ยืนยันไม่ได้หลุดจากฝั่งตน ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเพราะ เพิ่งกู้คลิปเสียงจากระบบคลาวด์ในโทรศัพท์บอสปันได้

“สำหรับคดีนี้มีพยานทั้งหมด 3 คน คือหนุ่ม- กรรชัย และบอสอีก 2 คนที่อยู่ในเรือนจำ แต่ทั้ง 2 คนยังไม่เคยให้ปากคำในฐานะพยาน ส่วนคดีนี้มีคลิปเสียงทั้งหมด 3 คลิป ตอนนี้ปล่อยไปแล้ว 2 คลิป เหลืออีก 1 คลิป โดยคลิปดังกล่าวมีความเชื่อมโยงและเป็นหลักฐานผูกมัดผู้กระทำความผิด และเป็นบุคคลเดิมที่ก่อเหตุ” นายวิฑูรย์กล่าว

เล่นกลับ 89 คนอ้างเป็นเหยื่อ

นายวิฑูรย์กล่าวต่ออีกว่า ส่วนเรื่อง 89 คนที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายจากคดี ดิ ไอคอน ที่ น.ส.กฤษอนงค์ พามาเรียกร้องขอรับเงินชดเชยจากดิ ไอคอน 8.9 ล้านบาท เบื้องต้นทราบว่าทั้ง 89 คนได้นำไปแบ่งให้ น.ส.กฤษอนงค์ คนละ 20% ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าได้เข้ามาลงทะเบียนทับซ้อนกับ บก.ปคบ.หรือไม่ หากตรวจพบจะแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ เพราะมองว่าทำงานร่วมกันเป็นขบวนการ จะปรึกษาตำรวจเพื่อพิจารณาข้อหากัน อีกครั้ง

ยันไม่ประสงค์ดำเนินคดี นาย ส.

ทนายบอสพอลกล่าวอีกว่า ยืนยันว่าบริษัทดิ ไอคอนไม่ประสงค์ดำเนินคดีกับนาย ส.เสือ แต่ส่วนที่ บก.ปปป.ขยายผลจะดำเนินคดีนาย ส.เสือ ในส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นสิทธิ์ของ บก.ปปป. แต่ข้อมูลตนได้แจ้งไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกตบทรัพย์ เงินที่ปรากฏตามสื่อที่ออกมาแฉนั้น เป็นเงินที่ทำบุญ ไม่ได้โอนกันทุกเดือน ส่วนเส้นทางการเงินที่พบ 10 ล้านบาท มองว่าเป็นการโอนกันระหว่างแม่ลูก ไม่ได้เป็นเส้นเงินที่บอสพอลจ่าย ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ

พบ “บอสพอล” คุยกัน 2 ประเด็น

ก่อนนี้เมื่อเวลา 11.00 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความนายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมบอสพอล ว่า ได้เข้าไปคุยกับบอสพอล 2 เรื่องสำคัญ คือ กรณีที่จะไปแจ้งความดำเนินคดีในช่วงเย็นวันนี้ ส่วนกรณีที่ดีเอสไอจะเข้าสอบสวนปากคำเพิ่มเติมวันที่ 20 พ.ย. เป็นการเข้าไปสอบปากคำจากกรณีที่ตำรวจสอบสวนกลางได้สอบสวนไว้ยังไม่แน่ชัดว่าดีเอสไอจะสอบปากคำประเด็นใด แต่น่าจะเป็นประเด็นพฤติการณ์ทางคดีโดยละเอียด เช่น บุคคลใดแจ้งความอะไรไว้ บอกพฤติการณ์ว่าโดนฉ้อโกงอย่างไร พรุ่งนี้คงจะได้เห็นกันและจะได้ตอบคำถามเพิ่มเติมกันไป

เป็นพยานให้ รมต.น้ำเรื่องคลิปเสียง

นายวิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมาย ให้ทนายแจ้งความดำเนินคดีนักร้องเรียนหญิงที่กล่าวอ้างถึงการจ่ายเงินนั้น ต้องแยกไปเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะเป็นคลิปเสียงสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 30 มิ.ย.—เดือน ก.ค. เป็นคนละเหตุการณ์กับการกล่าวอ้างถึงรายการโหนกระแส เพราะคลิปเสียงเกี่ยวกับรายการโหนกระแสเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเดือน ต.ค.เป็นการอัดเสียงระหว่างวันที่ 9 ต.ค. ต่อเนื่องวันที่ 10 ต.ค. ในส่วน รมต.จิราพร เราต้องไปเป็นพยานให้เช่นเดียวกันเพราะจริงๆแล้วไฟล์เสียงมีความยาว 6 ชม.แต่ได้ตัดเป็นตอนๆและคลิปเสียงนี้เราเป็นคนอัดเราก็ต้องไปเป็นพยานให้เขาเพื่อยืนยันไฟล์เสียง

ศาลยังไม่ให้ประกัน “บอสวิน”

สำหรับการยื่นประกันตัวชั่วคราวบอส ดิ ไอคอนฯ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ได้ไปยื่นประกันตัวชั่วคราวนายธวิณทร์ภัส หรือบอสวิน ภูพัฒนริทร์ ต่อศาลอาญาโดยได้แนบใบรับรองแพทย์จำนวนมาก และยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอประกันตัวด้วย เนื่องจากบอสวินป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสาม ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ตลอดเวลาและจะต้องเป็นแพทย์ที่ดูแลรักษาเขามาแต่แรก ปรากฏว่าศาลได้เอาคำร้องไปพิจารณาและได้มีคำสั่งโดยไม่ถามเลยว่าใบรับรองแพทย์เป็นมาอย่างไร ศาลมีคำสั่งยกคำร้องไม่ให้ประกันตัวชั่วคราวบอสวิน ทำให้บรรดาบอสอื่นที่เหลือยังไม่มีแนวความคิดที่จะยื่นขอศาลประกันตัวชั่วคราวเช่นเดียวกัน

อยากให้ได้เพราะป่วยหนัก

ศาลได้ให้เหตุผลของการยกคำร้องการประกันตัว ชั่วคราวบอสวิน เหมือนที่เคยให้เหตุผลไว้กับบอสแซม บอสกันต์ บอสมิน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากความเสียหายสูง กลัวจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพนักงานสอบสวนและผู้เสียหายได้คัดค้านการประกันตัว อย่างไรก็ตามทัั้ง 18 บอสไม่ขวัญเสีย เพราะแต่ละคนไม่คิดว่าจะได้ประกันตัวชั่วคราวอยู่แล้ว แต่อยากให้บอสวินได้ประกันตัวเพราะป่วยหนักห่วงสุขภาพเขา ส่วนจะยื่นประกันบอสวินครั้งถัดไปหรือไม่ต้องรอความเห็นแพทย์จากราชทัณฑ์พิจารณายื่นอีกครั้ง ส่วนบอสรายอื่นคงรอให้ถึงฝากขังผัด 7 ค่อยยื่นคำร้องต่อศาล ส่วนกรณีวันที่ 20 พ.ย.ที่ดีเอสไอจะเข้าสอบสวนปากคำเพิ่มเติมในคดีแชร์ลูกโซ่ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯ เรายินดีให้คำให้การ จะทำคำให้การเป็นหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วันดังเดิม

“บอสปัน” กังวลใจเจอ “เจ๊พัช”

นายวิฑูรย์กล่าวด้วยว่า กรณีที่ น.ส.กฤษอนงค์ ถูกคุมขังเข้าทัณฑสถานหญิงกลาง บอสปันและบอสพอลทราบเรื่องตั้งแต่คืนวานนี้และไม่มีท่าทีใดๆ และไม่ได้ฝากข้อความอะไรเป็นพิเศษ มองว่าเขาคงไม่ได้สะใจอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อาจต้องกังวลด้วยซ้ำ เพราะพอเข้าไปอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางด้วยกัน แม้จะแยกเรือนนอนคนละตึก แต่เวลาทำกิจกรรมร่วมกันก็ต้องเจอกัน ย้ำว่าไม่ใช่ความสะใจแต่เป็นความกังวลใจเพราะบอสปันไม่ได้อยากเจอเขา เมื่อถามว่าเป็นลักษณะการเหม็นขี้หน้าเลยหรือไม่ นายวิฑูรย์ขำเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า คงทำนองนั้น เมื่อถามอีกว่าบอสปันมองว่าเป็นเพราะ น.ส.กฤษอนงค์หรือไม่ ทำให้ดิ ไอคอน แตกพังขนาดนี้ทำให้มีอาการเหม็นขี้หน้าหรือไม่อยากเจอหน้า ทนายวิฑูรย์กล่าวว่า เขาก็คิดแบบพี่บอสฝั่งชายคิดว่าเป็นต้นเหตุหรือไม่ ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอที่ไปกราบเท้า น.ส.กฤษอนงค์ ที่บ้านยืนยันว่าไม่มีคลิปดังกล่าว ส่วนที่ น.ส.กฤษอนงค์กล่าวว่ามีคลิปเด็ดเหมือนกันนั้นไม่กังวลเพราะมีคลิปเด็ดพอสมควรเหมือนกัน

โทรโข่งคุกเผย “เจ๊พัช” คืนแรก

นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รรท.ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณี น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช สุวรรณวงศ์ เข้ามาอยู่ ในทัณฑสถานหญิงกลางในคืนแรกว่า ช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ย. น.ส.กฤษอนงค์ถูกส่งมายังทัณฑสถานหญิงกลาง ขั้นตอนการรับตัวได้ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ ตรวจสุขภาพ พิมพ์ลายนิ้วมือ ฝากสิ่งของ ให้คำแนะนำเบื้องต้น นำตัวแยกกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ภายหลังกักโรคจะพิจารณาแยกเรือนนอนตามความเหมาะสมของผู้ต้องขังแต่ละราย จะปฐมนิเทศแนะนำการปฏิบัติตนในเรือนจำ ส่วนอาหารมื้อเย็นเป็นแกงเลียงผักรวมปลาย่างและไข่ต้ม

5 วันนี้ไม่เจอ “บอสปัน” แน่

นางกนกวรรณกล่าวต่อว่า สำหรับการนอนเรือนจำคืนแรกได้รับรายงานว่าไม่มีอาการเครียดมากนักสามารถพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังในห้องกักโรคตามปกติ ไม่ได้เก็บตัวเงียบ ปฏิบัติตามคำแนะนำของเรือนจำ ผู้ต้องขังตื่นมาทำกิจกรรมของเรือนจำตามปกติ อาหารเช้าวันที่ 19 พ.ย.คือ แกงจืดวุ้นเส้น หมูสับและข้าวสวย รับประทานได้ปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังจะอยู่ในห้องกักโรค 5 วัน ระหว่างนี้จะไม่เจอ “บอสปัน” ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร แน่นอน หลังจากนั้นจะได้แยกเรือนนอนและการทำกิจกรรม จะมีเจ้าหน้าที่และผู้ช่วยเหลือคอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมใกล้ชิด

ดีเอสไอจ่อเค้น คลิป 10 ล.

อีกด้านหนึ่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ได้รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาของ น.ส.กฤษอนงค์ กับชายรายหนึ่งที่กล่าวอ้างถึงการจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่ดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว จากนี้จะได้นำเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังได้ข้อมูลแล้ว วันนี้ดีเอสไอ จะประสานกับทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องด้วยขณะนี้ผู้ต้องหาเพิ่งเข้าไปและอยู่ระหว่างเริ่มต้นการกักโรคโควิด-19 จำนวน 5 วัน หากจะเข้าไปสอบปากคำ ต้องประสานกับทัณฑสถานหากราชทัณฑ์อนุญาต จะเข้าสอบปากคำเลย ที่ต้องสอบสวน น.ส.กฤษอนงค์ ก่อนบอสพอล เพราะเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งจะได้สอบประเด็นอื่นๆคู่ขนานไปด้วย โดยประเด็นที่จะสอบปากคำคือ ข้อเท็จจริงที่พูดในคลิปเสียงสนทนามีการกล่าวอ้างใดๆบ้าง

“ทวี” บี้สินบน 10 ล.ดีเอสไอ

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล เช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.กฤษอนงค์ หรือเจ๊พัช สุวรรณวงศ์ อ้างเคยให้สินบนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 10 ล้านบาทว่า สั่งการให้อธิบดีดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าเมื่อ 10 ปีก่อนเหตุการณ์เป็นอย่างไรมีข้อจริงหรือเท็จอย่างไร ขอให้ตั้งคนกลางเข้ามาสอบสวนมีคนนอกร่วมด้วยเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น เมื่อถามว่าการแอบอ้างลักษณะนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้นหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่ยาก เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยุคนี้ต้องทำตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นห่วงคือการฝากขังมีระยะเวลาไม่มาก อยากให้อัยการมีระยะเวลาพิจารณาสำนวน ดังนั้นควรส่งสำนวนให้อัยการอย่างน้อยก่อน 15 วัน และขอให้อัยการเข้ามาเป็นที่ปรึกษาร่วมสอบสวนจะได้เห็นพยานหลักฐาน ที่สำคัญคืออยากดูผู้บงการที่อยู่ข้างหลังว่าเป็นใคร สามารถตรวจสอบ ได้จากเส้นทางการเงิน และพยานหลักฐานต่างๆ

ดูข้อ ก.ม.ถอนใบอนุญาตดิ ไอคอน

ด้าน น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เผยถึงความคืบหน้าการถอนใบอนุญาตบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ว่า หลังมีเรื่องร้องเรียน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ สคบ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ พบว่าบริษัทจดทะเบียนบริษัทแบบตรงกับ สคบ. แต่ไม่ได้จดทะเบียนขายตรง การจะเพิกถอนใบอนุญาตต้องรัดกุม ต้องดูข้อกฎหมายรวมถึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย สคบ. มีมติไปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ให้หารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาให้เกิดความรัดกุมเมื่อมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเรื่องแชร์ลูกโซ่ โดยจะมีการหารือวันที่ 20 พ.ย. เวลา 16.00 น.

ให้กฤษฎีกาพิจารณาก่อน

น.ส.จิราพรกล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมคณะกรรมการ สคบ. ในวันที่ 20 พ.ย. จะหารือประเด็นดังกล่าวด้วย รวมถึงหาแนวทางป้องกันการทำผิดกฎหมายในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ส่วนแนวโน้มความเป็นไปได้ถอนใบอนุญาตดิ ไอคอนต้องให้กฤษฎีกาพิจารณาก่อน เมื่อมีผลออกมาต้องนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป รวมถึงได้ส่งความเห็น สคบ.ไปยังกฤษฎีกาแต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เพราะต้องการให้เกียรติกฤษฎีกาพิจารณาเรื่องนี้ ยืนยันสั่งการให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วแต่ต้องดูตัวบทกฎหมาย ด้วยเพราะต้องรัดกุมและตั้งแต่มีเรื่องไม่ได้ล่าช้าทำงานเต็มที่

เพื่อความเป็นธรรมและรัดกุม

เมื่อถามว่าเหตุผลที่ถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพราะกลัวทนายบอสพอลฟ้องกลับในมาตรา 157 ใช่หรือไม่ น.ส.จิราพรกล่าวว่า ใช่ แม้จะไม่มีใครขู่ฟ้องแต่ขั้นตอนกฎหมายมีอยู่ สคบ.เป็นหน่วยงานราชการทำอะไรไปก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและรอบคอบรัดกุม นอกจากนี้ยังสั่งการ สคบ.ให้เข้าไปทำงานร่วมกับดีเอสไอ เป็นรอยต่อระหว่างการโอนคดี รวมถึงให้ สคบ.ทำงานร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สสค.) ในการเป็นพยานและให้ข้อมูลแชร์ลูกโซ่ จนเป็นที่มาในการตั้งข้อหาเพิ่มเติมถือว่าเป็นการทำงานร่วมกัน

ขยายเวลาสอบไปอีก 1 เดือน

น.ส.จิราพรยังกล่าวถึงความคืบหน้าหลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ.เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ว่าคณะกรรมการชุดนี้ตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. มีระยะเวลาสอบสวน 30 วัน และได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 2 คณะ คณะแรกตรวจสอบกรณีคลิปเสียง อีกคณะดูข้อจำกัดทางกฎหมายและดูการทำงาน สคบ.มีอะไรที่ต้องปรับปรุง ทั้ง 2 คณะทำงานอย่างเต็มที่และได้กำหนดตัวบุคคลเพื่อที่จะเรียกเข้ามาสอบเป็นพยานหลายคน ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาอีก 30 วันได้นำเรื่องเสนอนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รอนายประเสริฐลงนามคำสั่ง ซึ่งมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมตลอดเวลา อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการแสวงหาข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายจึงมีความจำเป็นขยายระยะเวลา ส่วนกรณีคลิปเสียงนักร้องสาวที่พาดพิงถึงตนเองและบิดาเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่กระบวนการยุติธรรม ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล