“บิ๊กต่าย” ยันจำเป็นต้องโอนคดี “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง 71 ล้านบาท มาให้ บช.ก.ดำเนินการ เพราะคดีซับซ้อน ความเสียหายมูลค่าสูง และผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนมีชื่อเสียง เตรียมเชิญทนายตั้มให้ปากคำ ก่อนพิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับตามขั้นตอน ไม่หวั่นหลบหนีออกนอกประเทศ เชื่อกองปราบปรามตามดูแลอยู่แล้ว “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สธ.แจงกรณีถูกเอาชื่อไปอ้าง ยังไม่ดำเนินการทางกฎหมายกับใคร เพราะเป็นการกล่าวหากันไปมา ต่างคนต่างพูดไม่มีหลักฐาน นายกสภาทนายฯเผย ระเบียบมรรยาททนาย ถ้าทำผิดมีโทษ 3 ขั้นตอน ตั้งแต่ภาคทัณฑ์ยันลบชื่อจากทะเบียนทนาย มีรายงานทนายดังหลายคนถูกสอบสวนมรรยาทอยู่ บางคนมากถึง 20 คดี

กรณี น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยอาศัยอยู่ประเทศฝรั่งเศส มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ดำเนินคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ข้อหาฉ้อโกง หลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อ้างได้รับโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่หลังจากโอนเงินให้ 2 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 71 ล้านบาท แต่การดำเนินการไม่คืบหน้า มอบหมายให้ทนายความติดต่อทวงเงิน หลังจากนั้นร้องเรียนไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งโอนคดีจาก สภ.ปากช่อง มาให้กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ดำเนินการ ขณะที่ทนายตั้มยังยืนยันว่า มีหลักฐานว่าเจ๊อ้อยให้โดยเสน่หา ขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล

ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 ต.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยกรณีมีคำสั่งให้โอนคดีที่ผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท จาก สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มาให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) รับผิดชอบว่า เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีความสลับซับซ้อนและมูลค่าความเสียหายสูง ทาง บช.ภ.3เสนอเรื่องมา เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า มีเหตุผลเพียงพอที่ บช.ก.เข้าไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนจึงอนุมัติให้ บช.ก.ดำเนินการต่อ

ผบ.ตร.กล่าวว่า ทราบว่าพนักงานสอบสวนสอบปากคำในส่วนของผู้เสียหายแล้ว เป็นการเชิญมาหรือไปสอบปากคำเองขอตรวจสอบก่อน ส่วนจะเชิญทนายตั้มผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำหรือไม่นั้น เป็นกระบวนการสอบสวนอยู่แล้ว หากพบความผิดชัดเจนเข้าองค์ประกอบความผิด หรือความผิดเป็นไปตามฐานใด สามารถเรียกมาให้ปากคำก่อนได้เหมือนคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป หรือสุดท้ายอาจพิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ย้ำว่าเรื่องนี้มีการกล่าวหา ต้องสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ไม่มีอะไรต้องน่าวิตก ส่วนกรณีผู้ถูกกล่าวหาเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ต้องมีมาตรการหรือกำชับอะไรพนักงานสอบสวนเป็นพิเศษหรือไม่ รวมถึงป้องกันการหลบหนี ระบุว่า เรื่องดังกล่าวต้องรอบคอบรัดกุม อีกทั้งเรื่องการป้องกันหากมีพฤติการณ์หลบหนีเป็นหน้าที่ของ บช.ก.ว่าจะจัดชุดป้องกันหรือไม่ แต่ที่ผ่านมามีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็น “เจ๊อ้อย” เข้าแจ้งความดำเนินคดีทนายตั้มโกงเงิน 2 ล้านยูโรคิดเป็นเงินไทยกว่า 71 ล้านบาท ให้ข้อมูลว่า ทนายตั้มเคยอ้างชื่อนายสมศักดิ์ทำธุรกิจลอตเตอรี่ออนไลน์ว่า เรื่องนี้ตนมองว่าไม่สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ เพราะบอกว่าอ้างชื่อถึงตนแต่ไม่มีพยานหลักฐาน ถ้ามีพยานหลักฐานต้องเป็นคดีความ ถ้าไม่มีก็ฟ้องไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าอ้างถึงจริงหรือไม่ “เขาพูดกัน 2 คน คนหนึ่งบอกพูด อีกคนยังไม่เห็นจะพูดถึงอะไร แล้วความเกี่ยวข้องไปถึงที่ไหน ตามรูปแบบของคดีความ ถ้าคู่กรณีเขาบอกว่า ไม่ได้พูด ก็ไม่รู้จะทำยังไง ดังนั้น 2 คนต้องฟ้องกันเองเถอะ ผมไม่ได้รู้จัก ไม่ได้จะยื่นฟ้องอะไรเขาด้วย” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับการอ้างถึงตน อย่างเช่นวันนี้มีมาอีกกรณีคือ ผลิตภัณฑ์ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศหรือยาโด๊ป มีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้อง อาจขายดี ตนให้เจ้าหน้าที่ติดตามดำเนินคดีเรื่องของหมิ่นประมาททำให้เสียหาย ใครรู้จักใครไม่ใช่ว่าเสียหายไปทั้งหมด กรณีเขาทำผิดร่วมกันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่มีประโยชน์ การเบี่ยงเบนประเด็นไปหาคนนู้นคนนี้เพื่อให้พ้นตัวเอง ถ้าเป็นตน ไม่ทำ

ที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินคดีมรรยาททนายโซเชียล หรือทนายหิวแสงต่อสื่อมวลชนว่า ตนประสานความร่วมมือกับประธานกรรมการมรรยาท สภาทนายความ เพื่อตรวจสอบเอาผิดทนายความที่ประพฤติผิดมรรยาทอย่างจริงจัง และเร่งรัดการพิจารณาคดีมรรยาทที่ทนายโซเชียลละเมิดต่อข้อบังคับสภาทนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กร และสมาชิกทนายความส่วนใหญ่ หากมีข้อเท็จจริงปรากฏตามสื่อต่างๆสามารถหยิบยกมาเป็นคดีมรรยาทได้ทันที เพราะเป็นเรื่องที่ความปรากฏอย่างชัดแจ้ง โทษที่จะลงกับทนายความที่ประพฤติผิดมรรยาททนายความมีอยู่ 3 ประการ คือ 1.ภาคทัณฑ์ 2.ห้ามการเป็นทนายความไม่เกิน 3 ปี และ 3.ลบชื่อจากทะเบียนทนายความ

“หากทนายความคนใดกระทำผิดเกี่ยวกับการยักยอก ฉ้อโกง หรือตระบัดสินลูกความ หรือประกอบอาชีพ ดำเนิน หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ ถือว่าเป็นเหตุที่จะทำการลบชื่อจากทะเบียนทนายความได้ รวมถึงการเสี้ยมสอนให้พยานเบิกความเท็จ หรือทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ การอวดอ้างว่าตนเก่งกว่าทนายคนอื่น หรืออวดอ้างว่ามีพรรคพวกรู้จักคุ้นเคยกับผู้ใด อันกระทำให้ลูกความหลงเชื่อว่าตนสามารถทำให้ลูกความได้รับประโยชน์พิเศษนอกจากทางว่าความ เป็นต้น ล้วนแต่เป็นการประพฤติผิดมรรยาททั้งสิ้น” นายวิเชียรกล่าว

ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลที่สำคัญจากแหล่งข่าวเกี่ยวกับทนายความโซเชียลคนดังหลายคนว่า ล้วนมีคดีมรรยาทติดตัว อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาท ทนายความคนดังบางคนถูกร้องเป็นคดีมรรยาทมากกว่า 20 คดีแล้ว ทนายความคนดังหลายคนถูกพักใบอนุญาตทนายความ และบางคนถูกลบชื่อจากทะเบียนทนายความไปแล้วก็มี