ปัตตานีวิปโยค น้ำทะลักท่วม 4 โรงพยาบาล ต้องปิดบริการชั่วคราว เร่งขนย้ายผู้ป่วยโกลาหล สลดหนูน้อยวัยขวบเศษพลัดตกน้ำดับคาบ้าน ถนนทุกสายถูกตัดขาด รถขนส่งสินค้าไม่ได้ ชาวบ้านผวาไม่มีกินแห่ซื้อของกักตุนเกลี้ยง ที่นราธิวาสวิกฤติหนัก ฝนเทไม่หยุดต้องประกาศภัยพิบัติยกจังหวัด “อนุทิน” นำทีมลงพื้นที่ ห่วงเส้นทางอัมพาตส่งของสดทำอาหารให้ผู้ประสบภัยไม่ได้ ส่วนเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ไม่รอดน้ำท่วมชุมชนรอบนอกโอบล้อมโซนเศรษฐกิจชั้นใน เพชรเกษมน้ำนองวิ่งไม่ได้ “นายกฯอิ๊งค์” สั่งระดมช่วยเหลือควบคู่เยียวยา
มหาอุทกภัยภาคใต้ตอนล่างทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนประชาชน ถนน สถานที่ราชการ โรงเรียนและโรงพยาบาลจมบาดาล ต้องปิดให้บริการชั่วคราว พร้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนีน้ำโกลาหล หลายจังหวัดต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ขณะที่ชาวบ้านผู้ประสบภัยต่างรอคอยความช่วยเหลือ
ปัตตานีวิปโยค-ปิด 4 รพ.หนีน้ำ
สถานการณ์น้ำท่วมวันที่ 29 พ.ย.ที่ จ.ปัตตานี มวลน้ำจากตอนเหนือจาก จ.ยะลา ยังคงไหลลงแม่น้ำปัตตานี ประกอบกับเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้น้ำระบายได้ช้าเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ริมแม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำสายบุรี ล่าสุดมวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมโรงพยาบาล 4 แห่งประกอบด้วย รพ.หนองจิก รพ.ยะหริ่ง รพ.ทุ่งยางแดง และ รพ.แม่ลาน ทำให้เตียงคนไข้บริเวณชั้นล่าง และอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์จมน้ำ เจ้าหน้าที่เร่งขนย้ายขึ้นไปไว้บนที่สูงและย้ายผู้ป่วยหนีอย่างเร่งด่วนไปโรงพยาบาลอื่น พร้อมประกาศปิดโรงพยาบาลชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ตั้งโรงพยาบาลสนามรับผู้ป่วย
ขณะที่ นพ.อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ประชุมศูนย์บัญชาการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (น้ำท่วม) เพื่อรับมือและบริหารสถานการณ์ในการดูแลสุขภาพประชาชน จากนั้นเปิดเผยว่า น้ำท่วมขณะนี้รุนแรงมาก ส่งผลให้โรงพยาบาลต้องปิดชั่วคราวแล้ว 4 แห่ง เนื่องจากในโรงพยาบาลมีน้ำท่วมสูง เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแล้ว พร้อมตั้งโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ป่วยที่ต้องย้ายออกจากโรงพยาบาล รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่ทั้งแพทย์และพยาบาลลงพื้นที่เพื่อเข้าตรวจเยี่ยมผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาโรงพยาบาลได้ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ป่วยชั่วคราวในสภาวะวิกฤติน้ำท่วม
ขอทหารนำเรือลำเลียงหมอ
ขณะที่นายไชยพร นิยมแก้ว รอง ผวจ.ปัตตานี ลงพื้นที่ติดตามน้ำท่วม รพ.ยะหริ่ง พร้อมพบปะพูดคุยให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยและญาติๆ หลังได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำจากคลองด้านหลังโรงพยาบาลเอ่อล้นตลิ่ง ประกอบกับปริมาณน้ำฝนสะสม เป็นเหตุให้พื้นที่ภายนอกอาคารผู้ป่วยเกิดน้ำท่วมขังและทะลักเข้าไปถึงเตียงผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย ญาติคนไข้ และผู้เข้ารับบริการเกิดความไม่สะดวกในการเดินไปยังอาคาร ผวจ.ปัตตานีสั่งการให้อำเภอยะหริ่งประสานงานร่วมกับทหารพรานนำเรือมาลำเลียงผู้ป่วยและบุคลากร รพ.ยะหริ่งบริเวณเต็นท์พักพิงชั่วคราวไปยังอาคารโรงพยาบาล และเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด
สลดหนูน้อยจมน้ำดับในบ้าน
สำหรับในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีได้รับความเสียหาย 3 ตำบลคือ ต.อาเนาะรู ต.สะบารัง และ ต.จะบังติกอ โดยเฉพาะ ต.สะบารัง และ ต.จะบังติกอ ถูกน้ำท่วมหนักสุด เนื่องจากอยู่ติดแม่น้ำปัตตานี บ้านเรือนประชาชนจมน้ำกว่า 1 เมตร ขณะที่ถนนสายกะลาพอ ต.จะบังติกอ น้ำท่วมถนน รถไม่สามารถวิ่งสัญจรไปมาได้ และถนนสายยะรัง ต.อาเนาะรู รถเล็กสัญจรไม่ได้ นอกจากนี้มีเด็กน้อยพลัดตกน้ำท่วมขังในบ้านเสียชีวิตในพื้นที่บ้านปรีดอ ต.บาราเฮาะ อ.เมืองปัตตานี ทราบชื่อ ด.ช.มูฮัมหมัดซอฟัต ดือราแม อายุ 1 ขวบ สร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัว
ผวาท่วมนานแห่ซื้อของกักตุน
ขณะที่ประชาชนต่างเร่งหาซื้อกักตุนข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องจากเส้นการขนส่งเข้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกตัดขาดทั้งหมด โดยเฉพาะเส้นทางสายปัตตานี-หาดใหญ่ถูกน้ำท่วมสูง รถทุกชนิดสัญจรผ่านไม่ได้ ส่วนบรรดาห้างร้านต่างๆในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีถูกน้ำท่วมสูง อีกทั้งไม่มีสินค้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าในช่วงน้ำท่วม จำต้องปิดร้านไปโดยปริยาย ส่วนประชาชนก็ไม่มั่นใจในสถานการณ์น้ำท่วมที่ทวีความรุนแรง ต่างวิตกกังวลว่าจะไม่มีอาหารอุปโภค เนื่องจากหากน้ำเหนือ จ.ยะลาไหลมาสมทบจะทำให้น้ำท่วมยืดเยื้ออีกหลายวัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ร้านค้าส่วนใหญ่ต่างปิดหนีน้ำกันหมดแล้ว ทำให้แทบซื้อหาของกินไม่ได้แล้ว ต้องอาศัยอาหารแห้งเป็นหลัก
น้ำล้นแนวสันเขื่อนเข้าชุมชน
ที่ จ.ยะลา น้ำท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น ทั้งในพื้นที่ย่านการค้าเศรษฐกิจ และพื้นที่รอบนอกตัวเมืองยะลาต่างได้รับผลกระทบจากแม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำปัตตานีเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตร เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชน รวมถึงจัดส่งอาหารปรุงสุกให้กับผู้ประสบอุทกภัยที่ไม่อยากออกจากบ้านเพราะเป็นห่วงทรัพย์สิน ล่าสุดมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 8 อำเภอ โดยที่ชุมชนบ้านร่ม (ท่าน้ำสะเตง) หมู่ 1 ต.สะเตง เขตเทศบาลนครยะลา และมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำปัตตานี พบว่าน้ำไหลทะลักข้ามแนวสันเขื่อนเข้าท่วมภายในชุมชนขยายเข้าพื้นที่ของชุมชน 5 แยกสะเตง, ชุมชนสาย 15 ต.สะเตง
น้ำมันขาด-รถโดยสารหยุดวิ่ง
ส่วนที่ อ.เบตง จ.ยะลา พื้นที่ใต้สุดเขตแดนสยาม ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมถนนเส้นทางคมนาคม ทำให้รถบรรทุกขนส่งสินค้าไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ส่งผลให้อาหารสดต่างๆ จำพวกปลาผักและสินค้าอื่นๆขาดตลาดจนแทบไม่มีวางขายในร้าน รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มขาดแคลน เนื่องจากรถขนส่งน้ำมันไม่สามารถวิ่งไปส่งตามปั๊มน้ำมันต่างๆได้ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลตอนนี้ไม่มีจำหน่ายแล้ว ส่วนน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เหลือเพียงเล็กน้อย ขณะที่รถโดยสารสาธารณะทั้งรถตู้โดยสาร รถทัวร์ไม่ว่าจะเป็นสายเบตง-หาดใหญ่ เบตง-ภูเก็ต เบตง-กทม. หยุดให้บริการทุกเส้นทาง
“อนุทิน” ถกน้ำท่วมชายแดนใต้
สายวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมคณะลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จ.นราธิวาส พร้อมประชุมรับฟังปัญหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ศาลากลางจังหวัด มีว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส พร้อม ผวจ.ปัตตานี ผวจ.ยะลา และ ผวจ.สงขลา ร่วมหารือ นายอนุทินกล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ลงพื้นที่ติดตามน้ำท่วมพื้นที่ชายแดนภาคใต้เพื่อหาวิธีสนับสนุนภารกิจของพื้นที่ที่ต้องต่อสู้กับสถาณการณ์ ทั้งนี้ ได้รายงานภาพรวมของพื้นที่ไปยังที่ประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.เชียงใหม่ ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบเบื้องต้นแล้ว
ห่วงขนของสดทำอาหารไม่ได้
นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯห่วงใยเรื่องอาหารสดที่ไม่สามารถขนส่งได้ เกรงจะไม่สามารถนำมาประกอบทำอาหารส่งต่อให้ผู้ประสบภัยได้ทัน ตรงนี้ให้ผู้ว่าฯในแต่ละจังหวัดหาแนวทางในการช่วยเหลือ นอกจากนี้เรื่องของการเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้อธิบดีกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทำเรื่องขอขยายวงเงินทดรองราชการสถานการณ์ฉุกเฉินภัยพิบัติจาก 20 ล้านบาทเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท คาดว่ากรมบัญชีกลางจะเร่งให้ความเห็นชอบโดยเร็ว และในพื้นที่ขอให้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อจะเร่งใช้เงินช่วยเหลือตามระเบียบที่ ปภ.มีอยู่ต่อไป ส่วนความช่วยเหลือส่วนใหญ่ขณะนี้คือต้องการเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์และเจ็ตสกีเพื่อใช้อพยพประชาชน
13 อำเภอยังหนัก–ฝนเทไม่หยุด
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.นราธิวาส แทบทุกพื้นที่ยังมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากฝนยังตกหนักต่อเนื่อง ทำให้แม่น้ำสายหลัก 3 สายคือแม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำโก-ลก รองรับปริมาณน้ำฝนสะสมเพิ่มสูงขึ้นเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนประชาชนขยายเป็นวงกว้าง ล่าสุดกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาส รายงานสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 13 อำเภอ 76 ตำบล 523 หมู่บ้าน 52 ชุมชน ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 48,251 ครัวเรือน รวม 178,271 คน
ปิดด่านมาเลย์ฝั่งสุไหงโก–ลก
ขณะเดียวกันในส่วนของประชาชนที่อาศัยอยู่ชายแดนฝั่งแม่น้ำโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ที่มีต้นกำเนิดในพื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ไหลลงแม่น้ำโก-ลก ระบายลงปากอ่าวทะเล อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ล่าสุดแม่น้ำโก-ลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนทั้งฝั่งไทยและฝั่งมาเลเซีย ที่อาศัยอยู่ในเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ส่วนด่านพรมแดนเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน มีน้ำท่วมขังสูงเช่นกัน ทางการมาเลเซียประกาศงดให้บริการเดินทางเข้าออกระหว่างด่านพรมแดนเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน กับด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก ชั่วคราวจนสภาวะน้ำท่วมขังจะคลี่คลาย
หาดใหญ่ไม่รอด–น้ำทะลัก 1 ม.
ที่ จ.สงขลา สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่รอบนอก โดยเฉพาะ 4 อำเภอชายแดน ประกอบด้วย อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย รวมถึงพื้นที่แนวชายแดนอย่าง อ.สะเดา ได้รับผลกระทบจากฝนตกน้ำท่วมหนักสุดในรอบหลายสิบปี ชาวบ้านได้รับผลกระทบจำนวนมาก ล่าสุดช่วงค่ำวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาน้ำไหลเข้าเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ สั่งเจ้าหน้าที่นำกระสอบทรายไปกันน้ำในคลองเตย เพื่อป้องกันเศรษฐกิจชั้นใน ส่วนโซนชั้นนอกของเมืองหาดใหญ่ถูกน้ำจากคลองอู่ตะเภา และคลองภูมินาถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้น เข้าท่วมชุมชนสองฝั่งคลองสูงกว่า 1 เมตร
เพชรเกษมน้ำนอง-รถวิ่งไม่ได้
จุดหนักที่สุดคือชุมชนหาดใหญ่ในและชุมชนเทศาพัฒนา มีชาวบ้านอาศัยอยู่นับพันครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน เจ้าหน้าที่เร่งอพยพผู้ประสบภัยหนีน้ำที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนเพชรเกษม เส้นทางสายหลักทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกถูกน้ำท่วมตัดขาดอย่างสิ้นเชิง บ้านเรือนร้านค้าทั้งสองฝั่งของหาดใหญ่น้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในชุมชนเทศาพัฒนาน้ำท่วมถึงหน้าอก ส่วนวัดมหัตต มังคลารามที่อยู่ติดกับคลองอู่ตะเภาจมมิดทั้งวัด เทศบาลนครหาดใหญ่นำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมประกาศยกธงแดงในเขตเทศบาลทั้งหมด แม้ว่าในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจการค้าใจกลางเมืองหาดใหญ่ตั้งแต่ด้านหน้าที่ว่าการอำเภอน้ำยังไม่ท่วมก็ตาม แต่พื้นที่รอบนอกถูกน้ำท่วมโอบล้อมหมดแล้ว
ซัดรถตกคลอง-คนขับจมหาย
ขณะเดียวกันเกิดเหตุระทึกขณะรถกระบะอีซูซุ ตอนครึ่ง ทะเบียน ผต 565 สงขลา ขับฝ่าน้ำท่วมดับกลางสะพานคลองทุ่งงาย หลังตลาดนัดบ้านทุ่งงาย ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ ถูกกระแสน้ำไหลเชี่ยวซัดรถพุ่งตกคลอง หลังเกิดเหตุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเซียเซี่ยงตึ๊งหาดใหญ่นำนักประดาน้ำลงไปช่วยงมหาคนขับรถ ทราบชื่อนายวีรยุทธ วุฒิสันติกุล อายุ 67 ปี ที่อาจติดอยู่ในรถ แต่ไม่พบ คาดว่าถูกน้ำซัดจมหายไปไกลจากจุดเกิดเหตุ ก่อนช่วยกันดึงรถกระบะขึ้นจากคลอง
พัทลุงอ่วมน้ำซัดหนุ่มเซ่นฝาย
จ.พัทลุง ยังคงมีฝนตกเป็นระยะๆ ทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่ 11 อำเภอ ริมเทือกเขาบรรทัด 6 อำเภอ และติดริมทะเลสาบสงขลา 5 อำเภอ ที่ อ.ปากพะยูน ที่อยู่ติดริมทะเลสาบสงขลาถูกน้ำท่วมแล้วหลายตำบล โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่เกาะ ต.เกาะหมาก และ ต.เกาะนางคำ น้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โรงเรียนทุกแห่งต้องปิดเรียนหนีน้ำโดยปริยาย ส่วนเขตเทศบาลตำบลปากพะยูนและเทศบาลตำบลอ่าวพะยูน ระดับน้ำสูงตั้งแต่ 1-1.50 เมตร ร้านค้าและบ้านเรือนเสียหายหนัก ส่วน อ.ศรีนครินทร์ พื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด ถูกน้ำท่วมหนักเช่นกัน ล่าสุดชาวบ้านถูกน้ำซัดเสียชีวิตในคลองบ้านเกาะขัน หมู่ 8 ต.อ่างทอง พบชื่อนายภูมิรักษ์ รักษ์จันทร์ อายุ 32 ปี สอบถามญาติทราบว่าผู้ตายออกไปดูน้ำท่วมฝายน้ำล้นหลังบ้านแล้วพลัดตกน้ำจมหายไปในคลองตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. กระทั่งศพลอยโผล่ห่างจากบ้าน 20 เมตร
สตูลประกาศ 4 อภ.ภัยพิบัติ
จ.สตูล เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ควนโดน วัดปริมาณน้ำฝนสะสมได้ถึง 182 มม. ทำให้ฝายชลประทานดูสนต้องระบายน้ำออกเข้าท่วมบ้านรอบที่ 2 ถนนสายหลักเส้นทางสตูล-หาดใหญ่ถูกน้ำท่วมบริเวณป้อมทางหลวงยาวไปถึงสามแยกควนสะตอ เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางขาออกให้รถใช้ฝั่งขาเข้าทางเดียว ส่วน ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล พื้นที่รับน้ำจาก อ.ควนโดน ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้างเอ่อล้นถนนสายฉลุง-ละงู ไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่างใน ต.บ้านควน ต.คลองขุด และต.ควนขัน บ้านเรือนราษฎรและพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจำนวนมาก ล่าสุดนายศักระ กปิลกาญจนญ์ ผวจ.สตูล ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัยแล้ว 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองสตูล อ.ควนโดน อ.ท่าแพ และ อ.มะนัง
“อิ๊งค์” ส่ง 4 รมต.ลุยน้ำท่วม
เวลา 09.30 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายก รัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 1/2567 หรือ ครม.สัญจรครั้งแรก การประชุมวันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ที่นายกฯ สั่งลงไปติดตามน้ำท่วม จ.นราธิวาส วิดีโอคอนเฟอเรนซ์รายงานสถานการณ์ในพื้นที่
สั่งระดมช่วยเหลือคู่เยียวยา
ต่อมานายกรัฐมนตรีแถลงผลการประชุมว่า ครม.รับทราบปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัดของภาคใต้ที่มีสาเหตุมาจากฝนตกหนักต่อเนื่องและปริมาณน้ำมาก สั่งการให้นายอนุทิน รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รมช.มหาดไทย และ รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ โดยจะอยู่หน้างานเพื่อแก้ไขและให้ทำหน้าที่ต่อ ขอให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า กทม.ส่งความช่วยเหลือทั้งเรือท้องแบน 7 ลำ เรือเครื่อง 5 เครื่อง รถกระบะ 2 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ มีเครน เจ้าหน้าที่กู้ภัย 23 คน นายช่าง 4 คน รวมเป็น 27 คนไปช่วยเหลือภาคใต้ ตนสั่งการให้ ศบอต. ประสานงาน ศปช.ส่วนกลางเร่งรัดสั่งการเรื่องการประกอบอาหารและโรงครัวพระราชทาน อุปกรณ์ต่างๆ ให้อพยพประชาชนจากพื้นที่น้ำท่วมสูงและจัดเตรียมหน่วยแพทย์ ยารักษาโรค เพื่อป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม และให้ดูเรื่องมาตรการเยียวยาควบคู่กันไป เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องรอนาน
ส่งเรือท้องแบน 150 ลำขนคน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ว่าไม่เหมือนในพื้นที่ภาคเหนือ เพราะเป็นน้ำหลาก น่าจะไม่มีดินโคลนถล่ม คงจะหนักอีก 2-3 วัน สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดในขณะนี้คือเรื่องอาหาร มีถนนบางส่วนขาด เป็นปัญหากับการลำเลียง ส่วนพื้นที่น่าเป็นห่วงสุดคือปัตตานีและสงขลาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ ขณะนี้ส่งเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ไปประมาณ 150 ลำ ช่วยลำเลียงคน เนื่องจากยังมีคนที่เป็นห่วงบ้านต้องนำคนแก่ เด็ก และผู้ป่วยติดเตียงออกมาก่อน เราได้บทเรียนจากภาคเหนือมาแล้ว ครั้งนี้จะไม่หนักเหมือนในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป ส่วนพื้นที่สงขลาได้เสนอให้นำเรือผลักดันน้ำลงทะเล หลังประชุม ครม.สัญจรเสร็จสิ้นทุกฝ่ายจะลงไปทำหน้าที่
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ