นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้ทำหนังสือในนามสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ลงวันที่ 19 ก.ย.2567 ร้องทุกข์ถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลกระทรวง ศึกษาธิการ (ศธ.), เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค (สคบ.) และเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ขอให้ตรวจสอบความโปร่งใสกรณีดอกเบี้ยเงินกู้และเงินประกันสินเชื่อในโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซึ่งเป็น โครงการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ร่วมกับธนาคารออมสิน โดยระบุว่า “สมาคมได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก ช.พ.ค.ที่กู้เงินโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิก ช.พ.ค.จากธนาคารออมสิน ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ในอัตราสูง ทั้งๆที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ใน อัตราต่ำ และบริษัทประกันภัยได้ทำการปรับอัตรา ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้น ทำให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับความเดือดร้อน อย่างแสนสาหัส บางรายเคยจ่ายเบี้ยประกันรายปีเพียง 1 หมื่นบาทเศษ แต่พอทำการปรับเบี้ยประกันกลับต้องจ่ายสูงเกือบ 3 หมื่นบาท เคยร้องเรียน ขอความช่วยเหลือจากหลายฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้ จึงขอความกรุณาจากท่านได้พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงความโปร่งใส”
นายสานิตย์กล่าวอีกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องร้องทุกข์กรณีดังกล่าวไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงได้ติดต่อมายังตนเพื่อให้แสดงตัวตน ก่อนเริ่มพิจารณาดำเนินการ หากธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงในการดำเนินโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิก ช.พ.ค.ของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ร่วมกับธนาคารออมสิน ทั้งกรณีดอกเบี้ยเงินกู้และเงินประกันสินเชื่อ เชื่อว่า จะมีหนทางช่วยบรรเทาทุกข์ความเดือดร้อนของครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายแสนคนที่เป็นลูกหนี้ลงได้บ้าง.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ