“ทักษิณ” ปราศรัยครั้งแรกในรอบ 18 ปี ขอบคุณชาวอุดรฯ ที่ไม่เคยลืม ขอเวลาให้ “นายกฯ อิ๊งค์” ทำงาน เชื่อเห็นผลแน่นอน ลุยแก้ปัญหาหนี้ จ่อขอ งดจ่ายดอก 3 ปี ให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ย้ำ ไม่มีสิทธิครอบงำลูก พร้อมฝากถึงพ่อค้ายาเสพติด “ทักษิณกลับมาแล้ว”
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี นามพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่วัดศรีนคราราม อ.กุมภวาปี โดยขึ้นกราบนมัสการ พระราชวัชรวิสุทธิ์ รองเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี โดยพระราชวัชรวิสุทธิ์ ได้มอบเหรียญพระเจ้าใหญ่ให้กับ นายทักษิณ พร้อมสนทนาตอนหนึ่งว่า ขอให้นายทักษิณ หมั่นนั่งสมาธิ สวดมนต์ เพื่อให้จิตใจผ่องใส ไม่วุ่นวาย มีความสุข จะได้เป็นที่พึ่งของลูกหลาน ประชาชน เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ อีกทั้งสอบถามกับ นายทักษิณ ในช่วงที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศว่าเป็นอย่างไรบ้าง นายทักษิณ ตอบกลับว่า 17 ปีที่ผ่านมาก็ต้องอดทนอดกลั้น และต่อไปนี้จะขอกลับมาทำนุบำรุงศาสนา พร้อมกับหันกลับไปฝากกับทีมงานว่าหากขาดแคลนอะไรให้แจ้งมา ขณะที่ก่อนขึ้นปราศรัย นายทักษิณ เดินทักทายประชาชน มีหลายคนเข้าขอถ่ายรูปและจับมือ ทั้งนี้ นายทักษิณ มีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดทาง ผู้สื่อข่าวจึงถามว่ารู้สึกอบอุ่นหัวใจหรือไม่ที่เห็นชาวอุดรธานีมาต้อนรับอย่างเนืองแน่น นายทักษิณ พยักหน้าและบอกว่าอบอุ่นหัวใจมาก
จากนั้น นายทักษิณ ขึ้นบนเวทีโดยเริ่มจากกล่าวว่า ตอนนี้ตนกลับมาประเทศไทย มีเงินเดือน 700 บาท ค่าเบี้ยคนชรา วันนี้ นายศราวุธ ก็จ้างตนมาหาลำไพ่พิเศษวันละ 300 บาท เพราะกลัวไม่พอกินข้าว แต่ตอนนี้จวนจะ 400 แล้ว เหลือเทคนิคนิดหน่อย แต่จริงๆ แล้วอยากมาขอบคุณพี่น้อง โดยเฉพาะคนอุดรธานีที่ไม่เคยลืมตน เงิน 10,000 บาท ได้แล้ว เดี๋ยวมาอีก ใครอายุเกิน 60 ปีเห็นว่าเงิน 10,000 จะมาแล้ว ตนเป็นห่วงปัญหาหนี้สิน ความยากจนของคนไทย วันนี้ได้กลับมา ได้กราบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเจอพี่น้องคนไทย เป็นความสุขของชีวิตแล้ว โดยระบุต่อไปว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้เป็นลูกสาว เป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนมาก คนจะโดนยึดบ้าน ยึดรถ ขอให้ช่วยคิดว่าจะเอาอย่างไรดี วันนี้มีทางออก เดี๋ยวเดือนธันวาคมนี้ จะบอกวิธีลดหนี้ ให้ชาวบ้านมีโอกาสลดหนี้ ได้ลืมตาอ้าปาก
“ผมเนี่ยไม่มีสิทธิครอบงำลูก เพราะว่าผมรักลูกแบบเกรงใจมาก เพราะฉะนั้นต้องให้ลูกครอบงำแทน ลูกเนี่ยบางทีนั่งคุยกับผม ปรึกษาผม แต่สั่งผมนะ สั่งให้ทำนู่นทำนี่ให้หน่อย สิ่งที่นายกฯ เป็นห่วงก็คือเรื่องหนี้สินชาวบ้าน แล้วก็เรื่องของรายได้ และวันนี้บอกว่าเบื้องต้นการให้เงินคนละ 10,000 เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเริ่มต้นให้ตั้งหลักก่อน พร้อมกันนั้นก็ลดหนี้ แล้วก็จะพยายามเพิ่มรายได้ให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ทางการเกษตร รายได้ทางด้านโอกาสของประชาชน”
ขณะเดียวกัน นายกฯ อิ๊งค์ ยังบอกอีกว่าเป็นห่วงชาวบ้าน เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะ จะทำอย่างไรให้มีโอกาสเรื่องการศึกษาดีกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่พูดกับลูกคือ วันนี้เราต้องเปลี่ยนทัศนคติของคนไทย อย่าไปมุ่งเอาประกาศนียบัตร การเรียนอย่างเดียวไม่พอ ต้องหาความรู้ ความชำนาญ วันนี้นายกฯ บอกว่าหาเงินช่วยเรื่องการศึกษาเด็กได้แล้ว เดี๋ยวจะมาเล่าให้ประชาชนฟัง เพื่อให้เด็กได้มีการศึกษาที่ดี มีโอกาสไปเรียนต่างประเทศบ้าง
นายทักษิณ ปราศรัยต่อไปว่า วันนี้เงินในโลกเยอะมาก แต่เงินไปในที่ๆ มีเงินให้มัน เงินไม่มาที่ๆ ทำเงินวันนี้ ประเทศไทยกำลังจูงใจนักธุรกิจใหญ่ให้เอาเงินมาลงทุน จะสร้างงาน มีรายได้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการกระจายความเจริญสู่ต่างจังหวัด จากนั้นกล่าวไปถึงเรื่องยาเสพติดว่า สมัยตนเป็นนายกฯ ยาเสพติดหายหมด พร้อมฝากชาวอุดรธานีไปบอกพ่อค้าขายยาเสพติดว่า “วันนี้ทักษิณกลับมาแล้ว ทักษิณเกลียดพ่อค้าขายยามาก ไม่อยากเห็นหน้าสักคนเลย” และขอให้ไปบอกตำรวจด้วย ก่อนกล่าวต่อไปว่าเห็นใจตำรวจ เมื่อก่อนตอนที่ตนไม่อยู่ การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจต้องจ่ายเงินซื้อเอาหมด แล้วตำรวจจะเอาเงินที่ไหนมา นี่คือสิ่งที่เลวร้ายของสังคมไทยในช่วงที่ตนไม่อยู่ 17 ปี จึงสงสารตำรวจ โดยนายกฯ บอกกับตนว่า วันนี้เราต้องคุยกับตำรวจใหญ่ทุกคนว่ายุคต่อไปนี้ไม่มีการเอาเงินจากการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะฉะนั้นตำรวจใหญ่ต้องไม่ไปเอาเงินลูกน้องจากการแต่งตั้งโยกย้าย จะทำให้ยาเสพติดหายไปไม่ยากนัก
วันนี้นายกฯ อิ๊งค์ บอกว่าจะจูงมือพี่หนู (นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) ให้จัดการทั้งตำรวจและจังหวัด เอายาเสพติดให้อยู่ ตอนตนอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่มีอะไรก็ต้องดูข่าว ดูแล้วหดหู่เห็นลูกหลานเราคลั่งยา แล้วก็ไปทำร้ายครอบครัว พ่อแม่ เพื่อนบ้าน เป็นสิ่งที่เลวร้าย เห็นแล้วอย่าไปชินชากับมัน ต้องจัดการกับมัน ตนจะไม่ชินชากับพวกนี้เด็ดขาด
ในช่วงหนึ่ง นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนอยู่ต่างประเทศ 17 ปี น.ส.แพทองธาร ไปเยี่ยมไปหาทุกเดือน คุยกับตนทุกเรื่อง พร้อมเปรียบเปรยติดตลกว่าหากตนเองผมยาวหน้าเหมือนกับลูกสาวหรือไม่ พร้อมระบุต่อไป น.ส.แพทองธาร เรียนรู้จากตนเยอะ เชื่อว่าจะเป็นนายกฯ ที่ดี และอาจจะเก่งกว่าด้วย เพราะเขาเป็นนายกฯ ตอนอายุ 38 ปี ส่วนตนเป็นนายกฯ ตอนอายุ 51 ย่าง 52 ปี ยังมีเรี่ยวแรง มีพลัง เป็นคนรุ่นใหม่ รู้จักใช้เทคโนโลยี เชื่อว่าสิ่งที่เขามีอยู่ในใจ ที่เห็นพี่น้องมาตั้งแต่ติดตามตนจนถึงวันนี้ และสิ่งที่เรียนรู้ที่ผ่านมา จะเป็นกำลังสำคัญให้ประชาชนในการแก้ปัญหา พี่น้องหายจนได้แน่
“ขอคุณอิ๊งค์ทำงานไปสักระยะหนึ่ง เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน เพราะว่าวันนี้มีเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องค่าแรง วันนี้มีอุปสรรคอยู่นิดเดียว แต่เชื่อว่าแก้ได้เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทที่เคยพูดไว้ และถ้าจีดีพีมันโตขึ้น ซึ่งเราก็พยายามจะปั๊มให้มันโตให้ได้ เพราะวันนี้หนี้สินประเทศเยอะ ถ้าประเทศโตช้ากว่านี้จะเหนื่อย จะไม่มีเงินมาลงทุนแก้ปัญหา เพราะฉะนั้น วันนี้กำลังแก้ปัญหาเรื่องของเงินลงทุนทั้งหลาย เพื่อจะให้สามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ความเจริญให้กับพี่น้องได้”
จากนั้น นายทักษิณ ถามมวลชนว่าอยากได้อะไรจากรัฐบาล พร้อมกล่าวต่อไปว่าเรื่องหนี้เป็นเรื่องใหญ่ในหัวใจของนายกฯ เรียกประชุมเป็นประจำ หาทางเอาเงินจากธนาคารไปจ่ายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามขอลดการส่งตรงนั้น เอาเม็ดเงินเพื่อมาใช้ปรับโครงสร้างหนี้ให้ประชาชน ให้ 3 ปีไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ที่จ่ายไปทุกบาทจะเป็นต้นหมด และหากจ่ายครบจะต้องถูกลบประวัติเครดิตบูโร สามารถกู้ยืมใหม่ได้ในการทำมาหากิน พร้อมขอให้ประชาชนทำบัญชีครัวเรือนอีกครั้ง คำนวณรายได้ ค่าใช้จ่าย ตัดรายจ่าย อีกทั้งยังระบุด้วยว่าตอนนี้มีคนไทยเล่นพนันออนไลน์เฉลี่ยวันละ 2,500,000-4,000,000 คน อยากให้เลิกเล่นพนันออนไลน์
ทั้งนี้ นายทักษิณ มั่นใจว่าภายในกลางปีหน้าจะได้เห็นหน้าเห็นหลัง และภายในสิ้นปีหน้าจะฟื้น ชาวอุดรธานีจะได้ยิ้มกว้างกว่านี้ มีตังค์ใช้ วันนี้แห้งไปหน่อย ยิ้มไม่ค่อยหวาน เลือกตั้งปี 2570 หากมาอีกครั้งจะได้เห็นยิ้มหวานๆ จะเห็นคนอุดรฯ หน้าผ่อง พร้อมกล่าวสนับสนุน นายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ว่า เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ ซึ่งจ่อเป็นรัฐมนตรีแต่โชคไม่ดีสอบตก วันนี้ขอเป็นนายก อบจ. ก่อน ขอประชาชนเรียกใช้ให้เต็มที่ ซึ่ง นายศราวุธ เป็นคนมีความรู้ ขยัน รับผิดชอบ ตนได้สัมผัสจึงรู้ว่าจะเป็นตัวแทนของชาวอุดรธานีได้อย่างดี
นายทักษิณ กล่าวย้ำว่า “อย่าลืมผมนะ ผมกลับมาแล้ว ไม่ใช่กลับมาแล้วลืม ตอนไม่ได้กลับไม่ลืม ห้ามลืมนะ ถ้าจำไม่ได้เบอร์ 2 ชื่ออะไร กาทักษิณแล้วกัน เห็นว่าพี่น้องมาตั้งแต่เที่ยง ตั้งแต่บ่าย คิดฮอดหลาย ขอบคุณมากๆ อุตส่าห์มากัน ฮ้อนหลาย”
ในช่วงท้าย นายทักษิณ ยังบอกกับประชาชนด้วยว่าอย่าไปเชื่อใครโทรมาหลอก อย่าเชื่อคนง่าย โดยเฉพาะคอลเซ็นเตอร์ ตอนนี้รู้หมด มีอยู่ 2 ที่ คือพม่ากับกัมพูชา มีศูนย์อยู่ที่นั่น ตอนนี้เรากำลังไล่ทลาย จากนี้รัฐบาลจะทำให้หนี้เบาบางลง สร้างโอกาสทำมาหากิน ส่งเม็ดเงินลงสู่ทุกพื้นที่ พร้อมฝากบอกพ่อค้ายาเสพติด ทักษิณมาแล้ว ถึงจะแก่แต่หัวใจสะออนอยู่ ขอให้เบาใจ ตนอยู่ทั้งคน ทนเห็นพี่น้องลำบากไม่ได้
หลังจบการปราศรัยในเวลา 17.23 น. ก่อนเดินทางกลับ นายทักษิณ ได้เข้าไปทักทายประชาชนที่อยู่ติดขอบเวที โดยก่อนจะขึ้นรถผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นอย่างไรบ้างบรรยากาศการปราศรัยครั้งแรกวันนี้ นายทักษิณ หันมาตอบว่า รู้สึกตื่นเต้น ตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นไม่หาย และรู้ว่ายังพูดไม่ดี ยังใหม่อยู่ ต้องฝึกให้ดี อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 นายทักษิณ มีกำหนดการจะไปปราศรัยที่ทุ่งศรีเมือง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี จะมีขึ้นในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ