รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย “ทรงศักดิ์” พาคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเขากระโดง ชี้เสียงสะท้อนการรถไฟก้าวล่วงสิทธิ์ประชาชน ธนาคารไม่รับจำนอง มองไม่น่าใช่ที่ รฟท. เพราะหลายคนมีโฉนด

วันที่ 20 ธ.ค. 2567 ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย (มท.2) พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี “เขากระโดง” จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 400 คน และหน่วยงานรัฐ 12 แห่ง อาทิ ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์, อบจ.บุรีรัมย์ สถานีตำรวจ, สำนักงานขนส่ง, โรงเรียน และกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น

นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้พยายามนำข้อเท็จจริงมาสะท้อนปัญหาให้เห็นถึงข้อพิพาทเรื่องที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นประเด็นไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจ ที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะตนเป็นคนบุรีรัมย์เหมือนกัน เป็นคนบุรีรัมย์เกิดมาก็เห็นเขากระโดง เห็นประชาชนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เห็นถนนมาจากประโคนชัยมายังบุรีรัมย์ไปมาหาสู่กัน ซึ่งเป็นคนในจังหวัดเดียวกัน และเป็นประเด็นผิดพลาดมาจะเป็นเรื่อง มีคนเข้าใจกันคลาดเคลื่อนมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ และมีข่าวที่ออกไปจนเป็นประเด็นปัญหาทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน

นายทรงศักดิ์ ยังระบุอีกว่า จากการรับฟังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 5,000 กว่าไร่ รวมไปถึงศูนย์ราชการและวัดที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หากฟังทั้งหมดตนเข้าใจว่า เหมือนการรถไฟจะไปก้าวล่วงสิทธิ์ของประชาชน ตนเชื่ออย่างนี้ เพราะการได้มาซึ่งที่ดินของการรถไฟมีกฎหมายเฉพาะ ซึ่งไม่น่าจะเป็นที่ดินของการรถไฟ เป็นที่ดินที่มีความพิพาทเรื่องของความคิดเห็นประชาชนที่รับฟังจากสื่อมวลชนที่นำเสนอ น่าจะมีความเข้าใจไปในทำนองว่าประชาชนไปอยู่ในที่ของการรถไฟเพราะฉะนั้นวันนี้ถือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ที่ทางกรมที่ดินและผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนราชการได้เชิญประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย มาพบกัน หลายคนก็แสดงเอกสารสิทธิ์ที่เป็นโฉนด ซึ่งบางคนเห็นได้ว่าโฉนดเก่ามากแทบขาด

ตนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการให้กำกับดูแลกรมที่ดิน ตนเน้นย้ำกับอธิบดีอยู่เสมอว่าเริ่มพิพาทที่เป็นการลิดรอนสิทธิแบบนี้ จะต้องมีหลักฐานที่หนีบข้อมูล ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะกระทบกับสิทธิ์ของประชาชนไม่ใช่น้อย 5,000 กว่าไร่ 900 กว่าแปลง และต้องทำให้เกิดความชัดเจนและย้ำเน้นอยู่เสมอ เพิ่งจะนำมาสู่การนำเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของทุน วันนี้พอมีเรื่องข่าวของความไม่ชัดเจนเรื่องที่ดินทำให้ประชาชนที่ถือเอกสารสิทธิ์ไม่มีความมั่นใจ เนื่องจากธนาคารจะไม่รับเอกสารที่ดินที่มีกรณีพิพาท ถือว่าจำเป็นต้องเร่งรัดเพื่อให้เกิดความชัดเจน