ผู้เสียหายร้อง “ทนายเดชา” อ้างถูกบริษัทดังชักชวนทำธุรกิจออนไลน์สูญเงินกว่า 500,000 บาท ลักษณะคล้ายขายตรงแชร์ลูกโซ่ พบมีผู้เสียหายแล้ว 40 คนเตรียมแจ้งความดำเนินคดีพรุ่งนี้
วันที่ 9 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า จากกรณีที่บริษัทธุรกิจออนไลน์แห่งหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะตัวแทนจำหน่าย โดยมีสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ โดยมีทีมผู้บริหารที่เป็นดาราชื่อดังมากมาย ที่ได้ถูกจับตาจากโลกออนไลน์และโยงไปถึงข่าวต่าง ๆ ว่ามีความต้องสงสัยว่าจากการขายของออนไลน์เป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น
ล่าสุดที่ สำนักงานทนายคลายทุกข์ ซอยรามอินทรา 52/1 กลุ่มคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นผู้เสียหายจากบริษัทดังกล่าวเข้าร้องกับ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ให้ช่วยดำเนินคดีหลังถูกหลอกลงทุนสูญเงิน 5 แสนบาท
ทนายเดชา กล่าวว่า พรุ่งนี้ (10 ต.ค. 67) เวลา 10.00 น. จะพาผู้เสียหาย 40 คน ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เกี่ยวกับคดีของบริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องสงสัยว่ากลายพันธุ์จากบริษัทขายตรงแชร์ลูกโซ่หรือไม่ โดยตนเองได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รวบรวมผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อเข้าสู่กระบวนการเริ่มต้นการสอบสวน
ทั้งนี้ผู้เสียหายส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการเข้าไปเรียนสอนทำการตลาด เมื่อไปเรียนกลับถูกชักชวนซื้อสินค้า ซึ่งเข้าข่ายชักชวนร่วมลงทุนและขายตรง ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ขายตรงและอาจผิดตามข้อหากู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
ด้านนางวิภารัตน์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเริ่มเข้าเครือข่ายช่วงที่โควิดมาใหม่ ๆ ในปี 2563 ไม่มีรายได้ จู่ ๆ ก็มีแม่ทีมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทดังกล่าว ขอเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ก โดยตอนแรกก็สงสัยว่าเป็นใครเพราะรูปโปรไฟล์มีการถ่ายรูปคู่กับสินค้าเรียงเต็มอยู่ข้างหลังจนได้เป็นเพื่อนกัน แม่ทีมคนนี้มีคำแนะนำให้ตนเข้าเป็นลูกทีม เมื่อฟังก็รู้สึกเชื่อถือและคิดว่าเป็นของแปลกใหม่ เป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ดี จึงมีการสมัครเข้าไป ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 2,500 บาท พอสมัครเสร็จแล้วจะมีการเข้าไปพบกับบุคคลที่เรียกกันว่า ”บอส“ และมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสินค้าพร้อมพูดถึงประวัติความเป็นมาของตัว “บอส” ยิ่งทำให้น่าเชื่อถือ จึงได้จ่ายอีก 25,000 บาท เป็นการเพิ่มดีกรีให้ตัวเองเป็นอีกขั้นหนึ่งของตัวแทนจำหน่าย และเสียค่าไปเที่ยวกับบริษัทเหมือนการสัมมนาอีก 25,000 บาท รวมทั้งหมดวันนั้นเสียค่าใช้จ่าย 50,000 บาท
ผู้เสียหายเล่าว่า ตลอดที่ตัวเองอยู่ ผู้ที่อบรมของบริษัทนี้ไม่เคยสอนการขายสินค้าออนไลน์เลยสอนแต่การตัดคลิป การยิงแอดและการเชิญชวนคนเข้าเครือข่าย โดยระหว่างที่ตัวเองเป็นเครือข่ายมีการพบเจอกับดาราบ้าง แต่ว่าเข้ามาในลักษณะของการเป็นพรีเซนเตอร์ในการเชิญชวนซื้อสินค้าต่าง ๆ ของบริษัท จนเริ่มทำมาประมาณ 5-6 เดือน เริ่มที่จะขายไม่ได้ โดยมีการไปปรึกษากับแม่ทีมซึ่งได้คำปรึกษามาว่าให้ยิงแอดเพิ่มและให้ชักชวนคนเข้ามาเป็นเครือข่ายเพิ่มเติมอีก ไม่ได้มีการแนะนำวิธีการขายสินค้าเพิ่มเลย เลยมองว่าไม่คุ้มค่ากับการที่ลงทุนไปกับการขายสินค้าหรือการจ่ายเงินเพื่อเลื่อนระดับสูญเงินรวมไปกว่า 5 แสนบาท
“ตอนออกมายังเชื่อเขาอยู่ว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาพูดจริง ๆ เชื่อว่าทำธุรกิจ ค้าขาย ขายของออนไลน์ แต่งตัวหรูหราดูดี จึงลงทุนไปเพราะอยากมีรายได้เพิ่ม ทั้งนี้แม่ทีมมีวิธีการในการเชิญชวนให้เสียเงินในการร่วมลงทุน โดยเอาความสำเร็จมาหลอกล่อเป็นขบวนการ เป้าหมายของบริษัทคือต้องการให้หาลูกทีมเพิ่ม ส่วนสินค้าที่ได้มาเป็นพวกคอลลาเจน อาหารผิว น้ำแร่ฉีดผิว” ผู้เสียหายกล่าว
นอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้เสียหายอีกรายซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้เสียหายได้เล่าถึงขั้นตอนการถูกชักชวนหลอกให้ร่วมลงทุนในลักษณะเดียวกันกับนางวิภารัตน์ โดยเริ่มต้นจากการสมัครสมาชิก 2,500 บาท จากนั้นจะถูกให้เพิ่มดีกรีลงทุนเข้าไปและให้ชักชวนหาคนอื่นมาเป็นเครือข่าย ซึ่งผู้เสียหายได้ชักชวนลูกทีมได้อีกประมาณ 10 คนเป็นเครือญาติ สูญเงินไปหลักแสนบาท ทำให้เครียดถึงขั้นขนาดคิดสั้น.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ