“ทนายเดชา” โพสต์หลังออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เผยเหตุผลจำเป็นที่ต้องกลับลำ พร้อมคาดตำรวจอาจจะคัดค้านการประกันตัว

จากกรณี ตำรวจกองปราบนำกำลังจับกุม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีหลอกลวงเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกง, ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน รวมถึงจับกุม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (ด่วน! รวบ “ทนายตั้ม-เมีย” ตามหมายจับ)

ต่อมา นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ “ทนายเดชา” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “ศาลออกหมายจับทนายตั้มแล้ว เป็นไปตามที่ผมได้รับข้อมูลมาล่วงหน้า ผมจำเป็นต้องกลับลำเพราะเห็นหลักฐานแล้วมันชัดเจน”

ล่าสุด วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ข่าวเที่ยงไทยรัฐ” โดยระบุว่า “เหตุผลที่ตำรวจออกหมายจับได้เลย เพราะว่าพยานหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องฉ้อโกง ฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน ตาม 3 ฐานความผิด ตำรวจค่อนข้างที่จะมีพยานหลักฐานชัดเจนจึงออกหมายจับ ประกอบกับเป็นคดีอาญาร้ายแรงมีโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปีขึ้นไป สามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับได้เลย ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก

ขั้นตอนหลังจากนี้ ตามกฎหมายต้องควบคุมตัวไว้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ต้องนำตัวส่งศาลเพื่อนำตัวฝากขังต่อไป คาดว่าตำรวจน่าจะคัดค้านการประกันตัว ซึ่งการจะให้ประกันตัวหรือไม่ 1.ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน 2.ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

แต่ทราบมาว่ามีถึง 4 คดี ฉะนั้นตำรวจอาจจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากทำเป็นขบวนการ มีหลายคดี และผู้ต้องหาเป็นผู้ที่มีความรู้ตามกฎหมาย จึงไม่แน่ใจว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจ

ส่วนตัวไม่ได้คุยกับทนายตั้มมานานแล้ว แต่ทราบมาจากแหล่งข่าวว่า ทนายของทนายตั้มเตรียมเดินทางไปพบที่กองปราบ ย้ำว่าตนไม่ได้เป็นทนายความให้ทนายตั้ม วอนพี่น้องประชาชนอย่าเอาทัวร์มาลงที่ตน

สำหรับโพสต์ล่าสุดที่บอกว่าต้องกลับลำนั้น เพราะว่าตนได้รับโทรศัพท์จากแหล่งข่าวใกล้ชิด 2 สาย จากตำรวจและคนดัง โทรมาให้ตนถอนตัวไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง เพราะตำรวจมีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนว่าได้กระทำความผิด

ที่ผ่านมา มั่นใจว่าทนายตั้มมีหลักฐานเด็ดนั้น เพราะตนฟังจากทนายตั้มไม่เคยฟังจากตำรวจ แต่พอรู้ความจริงว่าฝ่ายตรงข้ามมีพยานหลักฐานอะไร ตนก็ต้องกลับลำเพราะข้อเท็จจริงมันเพิ่มขึ้น ตนจึงต้องเปลี่ยนไป”.