ตู้เซฟวัดดังจังหวัดสุรินทร์ ถูกเจาะเงินหายกว่า 6.5 ล้าน ที่เกิดเหตุเป็นกุฏิเจ้าอาวาสหลังเก่า ติดกล้องวงจรปิดทุกมุม แต่เสียใช้การไม่ได้ ด้านพระครูเจ้าอาวาส บอกสื่อขอบิณฑบาต อาตมาอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากเป็นข่าว ขณะที่ตำรวจลงพื้นที่หารอยนิ้วมือแฝง แต่ยังไร้เงาคนร้าย
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 จากกรณีเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” ได้โพสต์ภาพพร้อมกับระบุข้อความว่า “มีคนร้ายบุกเจาะตู้เซฟวัดแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ กวาดเงินสดในเซฟไปร่วมกว่า 6.5 ล้าน ทางเจ้าอาวาสและกรรมการวัดอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสียแถมยังสั่งทุกคนให้ช่วยกันปิดข่าว ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเพราะไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่โต” ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามทราบว่าเป็นวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลโชคนาสาม อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดแห่งหนึ่งที่บ้านพยุงสุข ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยบริเวณที่เกิดเหตุเป็นกุฏิหลังเก่าของพระครูรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ภายในกุฏิติดกล้องวงจรปิดทุกมุม แต่มีการอ้างว่าใช้การไม่ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจสอบเมื่อเช้า 07.30 น.วานนี้ (20 ต.ค. 2567) ได้ใช้ POLICE LINE ล้อมรอบที่เกิดเหตุ ห้ามให้ใครเข้าไปในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยบรรยากาศรอบวัดเงียบสงบ พร้อมกันนี้ยังญาติโยมต่างพากันมาถวายภัตตาหารปัจจัยให้กับพระครูอภิรักษ์ธีรคุณ, ดร. (เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่ง) อายุ 70 ปี 40 พรรษา วัดบ้านพยุงสุข ต.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ไปที่กุฏิหลังใหม่ ได้ติดป้ายว่า “หลวงพ่อไม่อยู่” สอบถามลูกศิษย์ในวัดทราบว่าอยู่ที่ศาลาติดกัน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พบกับพระครูเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว กำลังนั่งพูดคุยกับโยมที่เดินทางมาถวายสังฆทานปัจจัย หลวงพ่อพยายามหลบกล้องที่ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพช่วงพูดคุย พร้อมกับพูดว่า “อย่าถ่ายเลยโยม อาตมาอยากอยู่เงียบๆ” ไม่อยากเป็นข่าวและหลวงพ่อขอบิณฑบาตไม่ให้ออกข่าว
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อมูลพระครูเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ได้เล่าว่า กุฏิดังกล่าวนี้เป็นกุฏิหลังเก่าที่หลวงพ่อจำวัด ซึ่งพอได้กุฏิหลังใหม่ หลวงพ่อก็ย้ายมาจำวัดที่กุฏิหลังใหม่ โดยไม่ได้จำวัดอยู่ตรงนั้นและได้ปิดกุฏิหลังเก่าได้ประมาณ 3 ปีแล้ว โดยเซฟอยู่ภายในห้องนอน หลวงพ่อทราบข่าวจากพระลูกวัด ก็รู้สึกเสียใจ ส่วนกล้องวงจรปิดนั้นเสีย หลวงพ่อก็เลยถอดปลั๊กออก ในส่วนของเงินที่อยู่ในเซฟนั้นประมาณ 6.5 ล้านบาทได้หายไปจริง ซึ่งคนร้ายได้เข้ามาทางหน้าต่างกุฏิ ซึ่งหลวงพ่อได้แจ้งความไว้แล้วเมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 ตุลาคม 2567
ผู้สื่อข่าวได้ถามพระครูเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ว่าหลวงพ่อคิดว่าคนร้ายเป็นคนในวัดไหม ซึ่งหลวงพ่อไม่ยอมตอบพูดเรื่องอื่น บอกเพียงแต่ว่า ตำรวจได้เอาลายนิ้วมือแฝงในวัดทุกคนส่งไปทางภาค 3 แล้ววันนี้
สอบถามพระลูกวัด เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวันเกิดเหตุ อาตมาได้ทำความสะอาดบริเวณในกุฏิเก่า และได้เข้าไปที่กุฏิหลังเกิดเหตุ พบว่าตู้เซฟถูกทุบเจาะเสียหาย อาตมาจึงรีบเข้ามาบอกเจ้าอาวาส พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ ส่วนตัว อาตมาไม่เคยรู้เลยว่าในกุฏิเก่าหลังนี้ มีตู้เซฟเก็บทรัพย์สินของมีค่าอยู่
ทางด้าน พ.ต.ท.ถนัดติ นานพ รอง สว.สอบสวน สภ.โชคนาสาม อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้มาตรวจสอบและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตู้เซฟดังกล่าวเป็นเหล็กก่อปูนภายในความสูงประมาณ 2 เมตรและมีน้ำหนักมาก ช่วงกลางตู้เซฟพบว่ามีการทุบเจาะทำลายเป็นช่อง ซึ่งได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบหาดีเอ็นเอเมื่อวานนี้ (20 ต.ค. 67) พร้อมกับบอกว่า เซฟที่วัดดังกล่าวเป็นเซฟที่ก่อด้วยปูนและเหล็กไม่แข็งแรงและยังมีน้ำหนักมาก พร้อมกันนี้วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บ DNA ผู้ที่อยู่ในวัดและผู้ใกล้ชิด ส่งตรวจที่ ตร.ภาค 3 หารอยนิ้วมือแฝงแล้ว เพื่อหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ