ฉาววงการสีกากี รวบตำรวจ 9 นายสังกัดตำรวจนครบาลและตำรวจไซเบอร์ แก๊งรีดทรัพย์ 300 ล้านบาท ชาววานูอาตู นำกำลังบุกเข้าค้นบ้านที่ จ.สมุทรปราการ อุ้มเหยื่อมารีดทรัพย์ต่อรองจนโอนเงินให้กว่า 5.7 ล้านบาท แล้วปล่อยตัวกลับ หลังก่อเหตุมีพลเรือนเข้าร่วมอีก 3 คน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผล

รวบแก๊งสีกากีรีดทรัพย์ชาวต่างชาติ 300 ล้านบาทรายนี้ เปิดเผยช่วงสายวันที่ 31 ต.ค. ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง จับกุมผู้ต้องหา 7 ราย เป็นตำรวจ 6 นาย สังกัด บก.สอท.1 และพลเรือน 1 ราย ประกอบไปด้วย พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า อายุ 41 ปี ร.ต.อ.อำนวย คงกลิ่น อายุ 42 ปี ด.ต.ชยพล วงษ์ปัน อายุ 43 ปี ด.ต.พรเทพ สังขาระ อายุ 46 ปี ด.ต.มนัสวี จรรยาลักษณ์ อายุ 41 ปี ด.ต.สยาม ทองมนต์ อายุ 49 ปี นายธวุท วันทองสุข อายุ 43 ปี เบื้องต้นแจ้งข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ

คดีนี้สืบเนื่องจากนายไซ สัญชาติวานูอาตู พร้อมด้วยภรรยา เพื่อนชาวจีน และแม่บ้านรวม 5 คน เข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.ชัยรัตน์ ธรรมสีเทา สว. (สอบสวน) สน.บางซื่อ ปฏิบัติราชการ สน.ทุ่งสองห้อง ว่าขณะพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 123/89 หมู่บ้านThecity บางนา 2 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีกลุ่มชายฉกรรจ์แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงเอกสารอ้างว่า เป็นหมายการเข้าค้นของศาลจังหวัดสมุทรปราการขอเข้าตรวจสอบ ผู้เสียหายและบุคคลภายในบ้านไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทย เห็นแต่เอกสารดังกล่าวมีตราครุฑจึงเชื่อว่าเป็นเอกสารของราชการจริงและยินยอมให้เข้าค้นบ้านพักอาศัยหลังดังกล่าว ผู้ต้องหาอ่านหมายและให้ล่ามแปลภาษาชื่อว่า น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น ทราบชื่อภายหลัง แปลภาษาสื่อสารกับผู้เสียหายเข้าตรวจค้นผู้ต้องหากับพวกใช้โทรศัพท์มือถือเปิดพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด อ้างว่ามีผู้ต้องหาชาวฟิลิปปินส์จำนวน 4 ราย 1 ใน 4 รายนั้นให้การซัดทอดว่า นายไซ หรือ MR.SAI มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมหนังสือ

เดินทางซึ่งถูกจับและถูกดำเนินคดีต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ไปแล้ว นายไซให้การปฏิเสธว่าไม่เคยมีความเกี่ยวข้อง การเข้าค้นครั้งนี้ผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม มีจำนวน 8 นาย และมีล่ามแปลภาษาจีนชื่อ น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น (ชื่อเล่นว่าทราย) กับสามีชาวจีนของล่ามชื่อนายหยุน ต้าเหลียง หรือ MR.YUN DALIANG รวมเป็น 10 คน
จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหายึดโทรศัพท์มือถือของทุกคนในบ้าน และเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง เพื่อไปตรวจสอบ ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมแจ้งกับนายไซว่าการจ้างแม่บ้านเป็นชาวต่างชาติอยู่ในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น อาจต้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอีกกระทง 1ด้วย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวเพราะไม่ทราบข้อกฎหมายของไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหายให้ น.ส.อภัสราสื่อสารเรียกรับเงิน 300ล้านบาท หรือเงินสกุลดิจิทัลจำนวน 10 ล้าน USDT (1USDT เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 33 บาท) เพื่อแลกกับการจบคดีและไม่ถูกดำเนินคดี แต่นายไซแจ้งว่าไม่มีเงินสกุลไทยมากขนาดนั้น และไม่มีความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่ชุดจับกุมกล่าวอ้างไม่ตกลงด้วย ชุดจับกุมดังกล่าวควบคุมตัวนายไซ ภรรยา เพื่อนชาวจีนชื่อเหวินและแม่บ้าน ขึ้นรถเดินทางมาที่ศูนย์ราชการ อาคารบี ระหว่างที่มาถึงเจรจากันอีกครั้งเปลี่ยนแปลงยอดเงินเป็น 10 ล้านบาท แต่นายไซไม่ตกลง

ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. ควบคุมตัวนายไซและภรรยาไปยัง กก.1บก.สอท.1 ห้ามไม่ให้เพื่อนชาวจีนชื่อเหวิน และแม่บ้านเข้าไป นายไซและภรรยาถูกสอบปากคำ ระหว่างที่สอบปากคำมีกลุ่มผู้ต้องหาอยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมดพร้อมกับ น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น และนายหยุน ต้าเหลียง เจ้าหน้าที่เพื่อต่อรองเรียกเงินกับนายไซ จนท้ายที่สุดนายไซยอมโอนเงิน 5 ล้านบาท แต่นายไซไม่มีเงินสกุลไทยเพียงพอจึงโอนเงินสกุลดิจิทัลเข้ากระเป๋าดิจิทัลวอลเล็ตของ น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น ครั้งที่ 1 เวลา 18.35 นาฬิกา โอนจำนวน 9,253 USDT ครั้งที่ 2 เวลา 18.43นาฬิกา จำนวน 140,000 USDT กระเป๋าเงินปลายทางที่โอนไปนี้อยู่ในโทรศัพท์มือถือของ น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น เมื่อได้รับเงินครบถ้วนแล้วกลุ่มผู้ต้องหาจัดทำเอกสารและให้ผู้ถูกควบคุมทั้ง 4 คนมาถ่ายคลิปวิดีโอประกอบการทำสำนวนแจ้งว่าตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำความผิดใดๆ พร้อมทั้งคืนโทรศัพท์มือถือให้แก่ผู้ถูกควบคุมทั้ง 4 คน แต่ไม่ได้คืนคอมพิวเตอร์ให้แก่นายไซ

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 ต.ค. น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น ประสานกับเพื่อนชาวจีนชื่อนายเหวินสนทนาผ่านเทเลแกรมของนายไซ ขณะนั้นมือถืออยู่ที่นายเหวิน ว่าหากต้องการทราบว่าผู้ใดเป็นผู้แจ้งให้ชุดจับกุมไปจับตัว ให้นายไซให้โอนเงินเพิ่มเติมอีก 700,000 บาท นายไซโอนเงินดิจิทัลเข้ากระเป๋า น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น เวลา 13.39 น.จำนวน 20,895 UDST ภายหลังไม่ได้รับการติดต่อจากล่าม ผู้เสียหายถูกกลุ่มผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์มอบอำนาจให้ทนายความเข้าร้องเรียนประสานกับเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.สอท.1 เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเข้าค้นและควบคุมตัวผู้เสียหาย และทราบว่าบุคคลที่มีรายชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ กก.1บก.สอท.1 มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย

ขณะที่ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รรท.ผบช.สอท. ทราบเรื่องประสานข้อมูลกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เร่งคลี่คลายข้อเท็จจริง พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีข้าราชการตำรวจในสังกัดเข้าไปเกี่ยวข้อง ก่อนนำตัว ผู้ถูกกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนเพื่อสอบปากคำ ในชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้กล่าวหา และสอบสวนพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหา และอยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป

มีรายงานข่าวแจ้งว่า การสอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานของทางชุดสืบสวนตำรวจนครบาลและตำรวจไซเบอร์ทำให้ทราบว่า คดีนี้มีผู้ก่อเหตุ 12 คน คือ 1.พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า 2.ร.ต.อ.อำนวย คงกลิ่น 3.ด.ต.ชยพล วงษ์ปัน 4.ด.ต.พรเทพ สังขาระ 5.ด.ต.มนัสวี จรรยาลักษณ์ 6.ด.ต.สยาม ทองมนต์ 7.นายธวุท วันทองสุข 8.ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ 9.ด.ต.สุพรรณ ของใส 10.จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ 11.น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น และ 12.นายหยุน ต้าเหลียง ในเบื้องต้น ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ ด.ต.สุพรรณ ของใส และ จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ส่วน พ.ต.ท.ชนะชัย ใจกล้า ร.ต.อ.อำนวย คงกลิ่น ด.ต.ชยพล วงษ์ปัน ด.ต.พรเทพ สังขาระ ด.ต.มนัสวี จรรยาลักษณ์ ด.ต.สยาม ทองมนต์ นายธวุท วันทองสุข ร.ต.อ.ธนกฤต กาญจนมาศ ด.ต.สุพรรณ ของใส จ.ส.ต.กิตติภูมิ จีนแปลงชาติ ถูกจับกุม ทั้งนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัว น.ส.อภัสรา ซ่อนกลิ่น และนายหยุน ต้าเหลียง มาดำเนินคดีต่อไป