พล.ต.ท.อัคราเดช ลงพื้นที่ติดตามคดี “สจ.โต้ง” ยันตำรวจเก็บหลักฐานทั้งหมดแล้ว คนตายไม่พกอาวุธ แยกคุมตัว “โกทร” มีปัญหาสุขภาพ ขณะที่วงจรปิดได้ยินเสียงปืนดังรัว 

เหตุยิงสนั่นภายในบ้านของนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี อดีต รมช.สาธารณสุข พ่อของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังปิดล้อมจุดเกิดเหตุเพื่อเจรจาเข้าตรวจสอบ เพราะผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้าน กระทั่งยอมวางอาวุธยืนยันเข้าตรวจสอบภายในบ้านได้แล้ว พบศพนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี เป็นลูกบุญธรรมนายสุนทร ถูกยิงร่างพรุน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า วันที่ 13 ธ.ค. 67 ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดีร่วมกันฆ่า สจ.โต้ง ที่สภ.เมืองปราจีนบุรี โดยได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ บริเวณบ้านของนายสุนทร วิลาวัลย์ เพิ่มเติม พร้อมกับ ตำรวจภูธรภาค 2 และ ตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า วันนี้ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ตร. ให้มากำกับดูแลควบคุมการปฏิบัติ และสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยมี กองบังคับการปราบปรามมาร่วมคณะ และจะมีการประชุมร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 2 โดยต้องไปดูที่เกิดเหตุก่อนว่ามีสภาพอย่างไร เพื่อสั่งการที่จะต้องกำชับคดี ในการรวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวน

ส่วนกรณีมีเรื่องของการบงการหรือไม่นั้น ทุกอย่างอยู่ในเรื่องของสำนวนการสอบสวนที่วางไว้ว่าจะตรวจสอบอย่างไรบ้าง ผู้ตายเข้าที่เกิดเหตุอย่างไร จะมีการทำไทม์ไลน์เพื่อพิสูจน์ทราบ และผู้ต้องหาทั้ง 7 รายได้มาอยู่ในที่เกิดเหตุ และพูดคุยวางแผนมาก่อนหรือไม่อย่างไร

ส่วนจะมีการวางแผนหรือไม่นั้น ต้องดูพยานหลักฐาน และมาตรวจสอบว่าการก่อเหตุครั้งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งประเด็นเบื้องต้นที่ทราบอยู่แล้วคือ เป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น ซึ่งผู้ตายและกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกันมาก่อน พอในระยะหลังที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามากวาดล้างและสลายกลุ่มไป กลุ่มก็แตกแยกออกไป ทำให้ยังมีเรื่องคาใจหลายเรื่องในการช่วย ไม่ช่วย ของการสนับสนุน จนมาถึงการแข่งขันการเมืองท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และสุดท้ายจะต้องมาดูเรื่องประเด็นอื่นอีกหรือไม่ และมีใครเกี่ยวข้องอีก โดยจะประชุมกันอีกครั้ง

ประเด็นเรื่องของกล้องวงจรปิดที่พบว่าเสีย และบ้านของผู้ก่อเหตุไม่มีภาพนั้น ไม่ว่ากล้องจะเสียหายหรือไม่เสียหาย ตำรวจก็จะส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบ แต่ไม่ได้เป็นการตัดรอนในการค้นหารวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ตำรวจมีพยานหลักฐานมาพอสมควรแล้ว พร้อมยืนยันว่า กล้องวงจรปิด เป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของสำนวน แต่คดีหลายคดีไม่มีกล้องวงจรปิด ก็สามารถรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งฟ้องได้

ส่วนคนยิงเป็นคนในบ้าน หรือคนนอกนั้น ต้องทำการพิสูจน์ทราบ แม้ผู้ต้องหา 2 ราย จะรับสารภาพว่าเป็นผู้ยิง ก็ต้องมาพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำผิดที่แท้จริง หรือมีคนอื่นร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ 

พล.ต.ท.อัคราเดช กล่าวว่า ตามขั้นตอนของตำรวจ ขณะนี้ได้เก็บพยานหลักฐาน เขม่าดินปืนร่องรอยทุกคน มือ เสื้อผ้า หน้าผม ได้จัดเก็บไว้ทั้งหมดแล้ว ขณะที่ตัวของ ผู้ตาย คือ สจ.โต้ง จากการตรวจสอบไม่มีการพกพาอาวุธเข้าไปภายในบ้านของโกทร โดยเข้าไปคุยคนเดียว และปล่อยให้บริวารอยู่ด้านนอก แต่ทำไมถึงให้บริวารหรือลูกน้องอยู่ด้านนอกนั้น ต้องมารับฟังพยานหลักฐานก่อน

ขณะที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกล้องวงจรปิด ระบุว่า จากที่สำนักข่าวบางช่องได้เสนอข่าวว่า “อบจ.ปราจีนบุรี แจ้งว่า กล้องวงจรปิดเสียทั้งจังหวัด” นั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ซึ่ง อบจ.ปราจีนบุรี ไม่เคยชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านสื่อทุกสื่อ โดยกล้องวงจรปิดตามสี่แยก และตามถนนสายต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.ปราจีนบุรี แต่อย่างใด ซึ่งจากการเสนอข่าวดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายต่อ อบจ.ปราจีนบุรี จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงมาเพื่อโปรดทราบ 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้เจ้าหน้าที่จะนำตัว นายสุนทร หรือ โกทร พร้อมลูกน้อง รวม 7 คน ไปขอศาลฝากขัง โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 รายที่เป็นลูกน้องของนายสุนทร ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง มีตำรวจ 4 นาย เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งตลอดทั้งคืนผู้ต้องหาทั้ง 6 ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ส่วนนายสุนทร ยังคงอยู่ภายในห้องสอบสวนชั้น 2 ของโรงพัก เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ ตำรวจต้องแยกควบคุมตัว

นอกจากนี้ ยังมีคลิปจากวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ซึ่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในคืนเกิดเหตุจำนวนหลายนัดติดต่อกัน ซึ่งชาวบ้านละแวกนั้นบอกว่า ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น ผ่านไปไม่นานก็เห็นว่ามีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรถพยาบาลวิ่งเข้ามายังที่เกิดเหตุ