ทนายส่วนตัวของทนายตั้มพร้อมเข้าเยี่ยมทนายตั้มและภรรยาในเรือนจำนำของใช้ส่วนตัวไปให้ พร้อมหารือเชื่อยังมีช่องต่อสู้คดี เตรียมนำพยานคนกลางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการโอนเงินต่างประเทศและรถเบนซ์เข้าให้ปากคำกับตำรวจกองปราบฯ ชี้ข้อหาฉ้อโกงที่ถูกดำเนินคดีอาจเป็นเพียงเรื่องผิดสัญญา ปัดเรื่องทนายเดชาถูกวิจารณ์ ออกมาฟอกขาวให้ทนายตั้ม เพียงคอยให้กำลังใจเท่านั้น ด้านรอง ผบช.ก.ย้ำชุดทำงานต้องทำคดีให้รัดกุม หากพบหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครต้องดำเนินคดี ดักคอทนายของทนายตั้มให้เร่งตามพยานคนกลางมาให้การโดยเร็ว อย่าคิดประวิงเวลายื้อคดี ขณะที่ ผกก.สน.บางซื่อยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับทนายตั้มเตรียมแจ้งข้อหาคนสนิททนายตั้มฐานแจ้งความเท็จ
กรณีตำรวจกองปราบฯจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พร้อมนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา หลังทนายตั้มออกอุบายให้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ ทำให้เจ๊อ้อยหลงเชื่อยอมโอนเงิน 2 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทย 71 ล้านบาท โดยทนายตั้มอ้างว่าเป็นการให้โดยเสน่หา นอกจากนี้ ทนายตั้มยังเป็นคนจัดหาซื้อรถเบนซ์ให้เจ๊อ้อยในราคาสูงกว่าราคาจริง ทำให้ได้ค่าส่วนต่าง 1.5 ล้านบาท และออกอุบายให้เจ๊อ้อยโอนเงินค่าเขียนแบบโรงแรมจำนวน 9 ล้านบาท ทั้งที่ค่าเขียนแบบทนายตั้มว่าจ้างเพียง 3.5 ล้านบาท ทนายตั้มได้ส่วนต่างไป 5.5 ล้านบาท โดยทนายตั้มนำไปซื้อบ้านหรูใส่ชื่อนางปทิตตา ภรรยา เป็นเจ้าของ โดยทั้งสองสามีภรรยาหลังถูกจับกุมศาลไม่ให้ประกันตัว ต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
ขณะที่ตำรวจกองปราบฯเร่งหาพยานหลักฐานในคดีฉ้อโกงเงิน 39 ล้านบาท มีความเชื่อมโยงไปยังบุคคลใกล้ชิดกับทนายตั้ม รวมถึง พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ ที่ทนายตั้มโทรศัพท์ต่อสายตรงให้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้ น.ส.สารินี นุชนารถ ภรรยาของนายนุ คนสนิทของทนายตั้ม ในการลงบันทึกประจำวัน เมื่อวันที่ 23 พ.ค.66 เรื่องที่ น.ส.สารินีโอนเงินไปให้สแกมเมอร์ รวมเป็นเงิน 2,276,400 บาท ก่อนทนายตั้มนำใบลงบันทึกประจำวันดังกล่าวไปอ้างกับเจ๊อ้อยเพื่อให้โอนเงินคืน 39 ล้านบาท ทำให้ พ.ต.อ.ภูวดลเกิดความเครียดจากการเข้าไปมีชื่อพัวพัน ถูก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบฯ
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 พ.ย. พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ กล่าวว่า ตนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไปหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับนายษิทราหรือทนายตั้ม ยอมรับว่ารู้จักกับทนายตั้มมากว่า 5 ปี ส่วนการให้ทีมงานทนายตั้มมาลงบันทึกประจำวันเป็นการบริการประชาชนตามสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน ไม่ได้มีจุดประสงค์ใดแอบแฝง หลังจากที่มีการสืบสวนอาจจะพิจารณาแจ้งข้อหา น.ส.สารินี นุชนารถ ในข้อหาแจ้งความเท็จ หรือแจ้งความทำให้ผู้อื่นเสียหาย หรือเกิดการฉ้อโกง ต้องรอผลตรวจสอบจากกองปราบฯว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ตนได้ไปรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงแล้ว ยืนยันทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ผกก.สน.บางซื่อกล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวว่า จะมีการสั่งเด้งหรือสั่งย้ายตน เป็นสิทธิ์ของผู้บังคับ บัญชาที่จะพิจารณา ตอนนี้ยังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ผกก.สน.บางซื่ออยู่ ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจ เพราะการให้ประชาชนลงบันทึกประจำวันธรรมดากลับนำปัญหามามากมายขนาดนี้ รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีที่มีสื่อมวลชนบางแห่งพาดพิงว่า อาจได้รับผลประโยชน์จากทนายตั้มเป็นจำนวนเงินมหาศาล นำเงินไปเปิดร้านขายราดหน้าเพื่อฟอกเงิน ยืนยันว่าเปิดร้านขายราดหน้าย่านบางโพมานานกว่า 10 ปี เป็นอาชีพเสริมรองจากอาชีพตำรวจ ส่วนทนายตั้มตนเพิ่งรู้จักมาไม่ถึง 5 ปี การกล่าวหาลักษณะนี้ทำให้ตนได้รับความเสียหาย
ขณะที่นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา หรือทนายตั้ม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ จะเข้าเยี่ยมทนายตั้มและภรรยา พร้อมนำของใช้ส่วนตัวและของใช้ที่จำเป็นเข้าไปฝาก โดยทนายตั้มไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ ในการเข้าเยี่ยมครั้งนี้จะมีการพูดคุยเพื่อหารือแนวทางการต่อสู้คดี เชื่อว่าคดีนี้ยังมีข้อต่อสู้ พร้อมเตรียมประสานหาพยานคนกลางเป็นผู้เชี่ยวชาญมาให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ เช่น การโอนเงินระหว่างประเทศ รวมถึงหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถเบนซ์ นำหลักฐานไปชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงอาจเป็นเพียงการผิดสัญญาต่างจากกรณีฉ้อโกงทั่วไป
นายสายหยุดกล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ออกมาวิจารณ์ว่า นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ออกมาช่วยฟอกขาวให้กับทนายตั้ม ตนมองว่า ทนายเดชาพูดไปในแง่ของข้อกฎหมาย แต่สิ่งที่เขาพูดอาจจะทำให้คนฟังไม่ถูกใจ มองว่าเข้าข้างทนายตั้ม ยืนยันว่า ทนายเดชาไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรในคดีทนายตั้ม มีแค่มาถามถึงเพราะตนรู้จักกับทนายเดชาและคุยกันมาตั้งแต่ตอนที่ตนเข้ามาทำคดีให้กับทนายตั้ม และคอยให้กำลังใจเท่านั้น
ด้านการสืบสวนสอบสวนตามหาพยานหลักฐานในคดี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวว่า ชุดทำงานอยู่ระหว่างการสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้รัดกุมแน่นหนา เพื่อคลี่คลายข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นเงิน 39 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาพยาน และตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำให้การของผู้เสียหายและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่และรัดกุม หากพบพยานหลักฐานเกี่ยวข้องกับใคร หรือมีใครร่วมกระทำผิดจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
รอง ผบช.ก.กล่าวว่า ขณะเดียวกันชุดทำงานอยู่ระหว่างการสืบสวนหาทรัพย์สินเพิ่มเติมของทนายตั้มและภรรยา ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน หากพบทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน เช่นเดียวกับการวิเคราะห์หลักฐานที่ตรวจยึดได้จากสำนักงานกฎหมายษิทรา ลอว์เฟิร์ม อยู่ระหว่างการดำเนินการเช่นกัน ส่วนการที่ทนายความของนายษิทราจะนำคนกลาง เป็นผู้เชี่ยวชาญการโอนเงินระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับไทย ผู้เชี่ยวชาญในการคิดค่าคอมมิชชัน และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบก่อสร้างมาให้การนั้น คณะพนักงานสอบสวนพร้อมรับฟัง เพราะตำรวจไม่ได้หวังพึ่งพยานหลักฐานใดหลักฐานหนึ่ง ต้องทำให้ครบถ้วนรอบคอบ ส่วนของตำรวจก็มีพยานหลักฐานอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่ทำได้ และหากพาผู้เชี่ยวชาญมาได้ควรพามาเองเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ไม่ใช่มาอ้างบุคคลที่ตำรวจไม่สามารถนำมาสอบได้ เพื่อประวิงเวลา ขอยืนยันว่าตำรวจสอบสวนกลางพร้อมให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชุดสืบสวนได้สอบถามข้อมูลกับนายนุ คนสนิททนายตั้ม และ น.ส.สารินีภรรยาของนายนุ แล้ว หลังปรากฏข้อมูลว่า ทั้งสองได้ไปถอนเงินสดออกมาจากธนาคารที่ห้างสรรพสินค้าย่านห้าแยกลาดพร้าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลของทนายตั้มให้แน่ชัดว่า ในวันที่นายนุและภรรยาไปถอนเงิน และวันที่ภรรยานายนุไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ ทนายตั้มได้ไปพบกับทั้งสองคนหรือไม่ รวมทั้งยังรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ ที่มี พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. (รับผิดชอบงานจเร) เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อที่ชุดทำงานจะนำไปประกอบว่า มีประเด็นใดที่น่าสนใจ และต่อยอดในการสืบสวนหรือไม่ต่อไป
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ