ล้างอิทธิพลปราจีนบุรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. “อัคราเดช พิมลศรี” สั่งกองปราบฯผนึกกำลังชุดสืบสวน ภาค 2 เปิดปฏิบัติการทลายรังนักเลง ลุยค้น 5 เป้าหมายบ้าน คนสนิทหัวคะแนน “โกทร” นายก อบจ.ปราจีนฯ ผู้ต้องหาร่วม 6 สมุนฆ่าโหด สจ.โต้ง คาบ้าน จุดหลัก บุกรังผู้ใหญ่บ้านและบ้านเลขาฯส่วนตัว ยึดปืนและกระสุนไปพิสูจน์เชื่อมโยงคดี หลังพบแต่ละคนไปบ้านเกิดเหตุในวันสังหาร

ยังคงเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีตำรวจจับกุมนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี และอดีต รมช.สาธารณสุข พร้อมลูกน้องอีก 6 คนร่วมกันสังหารโหดนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง อย่างอุกอาจคาบ้านนายสุนทรเลขที่ 21/1 ถนนวัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าปมสั่งตายมาจาก สจ.โต้งเตรียมส่งเมียลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปราจีนบุรี ในสมัยหน้า ทำให้เกิดความขัดแย้งกับนายสุนทรอย่างรุนแรง ขณะที่ชุดสืบสวนกองปราบปรามลงพื้นที่ประสานตำรวจท้องที่ลุยกวาดล้างอิทธิพลครั้งใหญ่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ก่อนการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่จะเปิดรับสมัครในวันที่ 23 ธ.ค.นี้

ล่าสุดช่วงเช้าวันที่ 15 ธ.ค. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2 และ พ.ต.อ.คงศักดิ์ บุญสื่อสุวรรณ รอง ผบก.ภ.จ.ปราจีนบุรี นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ บช.ภ.2 ประสาน พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ระดมชุดสืบสวนกองปราบฯ นำโดย พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. ร่วมสนับสนุนกว่า 100 นายเปิดปฏิบัติการทลายรังนักเลง EP.1 เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 5 จุดใน จ.ปราจีนบุรี ล้วนเป็นคนใกล้ชิดและหัวคะแนนให้นายสุนทร ผู้ต้องหาคนสำคัญมานานหลายสิบปี อีกทั้งพบว่าในวันเกิดเหตุยิงนายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง บุคคลดังกล่าวอยู่ในบ้านของโกทรร่วมกับผู้ต้องหาที่เป็นสมุนอีก 6 คน

จุดแรกเป็นที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ ของนายกู้เกียรติ แสงจันทร์ หรือผู้ใหญ่แอ๊ด หนึ่งในเป้าหมายหลักที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุด เนื่องจากมีรายงานว่าวันเกิดเหตุที่สังหาร สจ.โต้ง ผู้ใหญ่แอ๊ดเข้าไปพบโกทรที่บ้านหลังเกิดเหตุ จากการตรวจค้นในจุดนี้พบบ้าน 2 หลัง หลังหนึ่งใช้เป็นที่ทำการของผู้ใหญ่บ้าน ส่วนอีกหลังเป็นที่พักของผู้ดูแลบ้าน ด้านหลังเป็นโรงงานรีไซเคิลขยะ เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ภายในมีคนงาน 2 คน ส่วนในบ้านมีพ่อบ้านดูแล 1 คนออกมารับหมายค้น และบันทึกภาพเป็นหลักฐาน

เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นราว 30 นาทีพบปืน 2 กระบอกอยู่ในบ้านของผู้ดูแล เป็นปืนลูกโม่ .38 พร้อมกระสุน 22 นัด ส่วนอีกกระบอกเป็นปืนแมกกาซีน .380 พร้อมกระสุน 13 นัด ทั้ง 2 กระบอกมีทะเบียนเป็นชื่อคนดูแลบ้านผู้ใหญ่แอ๊ดเป็นผู้ครอบครอง เบื้องต้นตำรวจยึดปืนไปตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนภายในที่ทำการผู้ใหญ่บ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและตัวผู้ใหญ่แอ๊ด

สอบสวนคนดูแลบ้านให้การอ้างว่า เป็นพี่เขยของผู้ใหญ่แอ๊ด มีหน้าที่ดูแลบ้านมากว่า 2 ปีแล้ว ปกติผู้ใหญ่แอ๊ดไม่ได้พักที่บ้านหลังนี้ แต่จะเข้ามาที่ทำการผู้ใหญ่บ้านตอนมีลูกบ้านมาร้องเรียนเรื่องต่างๆเท่านั้น ช่วงนี้ผู้ใหญ่แอ๊ดไม่ได้มา 3 วันแล้ว เนื่องจากมีธุระที่กรุงเทพฯ ส่วนนายสุนทร หรือโกทรส่วนตัวไม่รู้จัก แต่ได้ยินชื่อเสียงอยู่เพราะเป็นบุคคลกว้างขวางในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี

เป้าหมายจุดที่สองตำรวจเข้าตรวจค้นร้านทองของผู้ใหญ่แอ๊ดอีก 1 จุดในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและไม่พบผู้ใหญ่แอ๊ด จุดสามเป็นโรงงานขยะรีไซเคิลของนายจำรัส หรือโจ้ หอมชิต ในพื้นที่ อ.ศรีมหาโพธิ และเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในปฏิบัติการทลายรังนักเลงครั้งนี้ เนื่องจากนายโจ้เป็นคนใกล้ชิดนายสุนทร ในวันเกิดเหตุเข้าไปในบ้านโกทรก่อนที่ สจ.โต้งถูกยิงเสียชีวิตไม่นาน ตำรวจเชื่อว่านายโจ้น่าจะมีส่วนรู้เห็นด้วย แต่จากการตรวจค้นไม่พบตัวนายโจ้เช่นเดียวกัน

จุดที่สี่เป็นบ้านของนายพงศกร พงษ์คุณ เลขานุการของนายสุนทรในพื้นที่ อ.บ้านสร้าง ขณะตรวจค้นพบนายพงศกร ก่อนยึดปืนลูกโม่.22 และกระสุน 6 นัด พร้อมกระสุนลูกซอง 5 นัด ตรวจสอบใบอนุญาตครอบครองปืนไม่ตรงกับปืนและเครื่องกระสุนปืน แจ้งข้อหามีปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต คุมตัวนายพงศกรมาสอบสวน และเป้าหมายจุดสุดท้ายเข้าตรวจค้นบ้านนายเต็งหนึ่งใน อ.ประจันตคาม แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และไม่พบเจ้าของบ้าน

ด้านนายพงศกร เลขาฯโกทร เปิดเผยว่า ปืนที่ตำรวจตรวจยึดเป็นของพ่อ ส่วนกระสุนมีมานานกว่า 10 ปีแล้ว จำไม่ได้ว่ามีที่มาอย่างไร เครื่องกระสุนทั้งหมดเจอในตู้เซฟ ไม่เคยนำมาใช้งานไม่กังวลในเรื่องนี้ ไม่เคยมีอิทธิพลใดๆ เพราะไม่เคยทำผิดกฎหมาย ไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล ส่วนผู้ใหญ่แอ๊ดก็รู้จักเป็นปกติเพราะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น แต่ไม่เคยทำธุรกิจด้วยกัน เช่นเดียวกับนายโจ้ รู้จักในฐานะเพื่อนอยู่ในจังหวัดเดียวกัน แต่ไม่สนิทกัน ส่วนนายเต็งหนึ่งไม่รู้จักเลย

ขณะเดียวกันในช่วงบ่าย ตำรวจชุดปฏิบัติการทลายรังนักเลง จ.ปราจีนบุรี ยื่นขอหมายศาลจังหวัดปราจีนบุรี เข้าตรวจค้นบ้านนายกฤษฎิ์ กษมพันธุ์ หรือ สจ.อุ๊ รองนายก อบจ.ปราจีนบุรี ที่ปรากฏในคลิปในวันเกิดเหตุยิง สจ.โต้งที่บ้านของโกทร และก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนเชิญไปสอบปากคำมาแล้ว แต่ศาลไม่อนุมัติหมายค้นแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า หลังเกิดเหตุยิง สจ.โต้งเสียชีวิตได้นำเรียน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.เรื่องการกวาดบ้านกดดันผู้มีอิทธิพลใน จ.ปราจีนบุรี เพื่อให้ประชาชนรู้สึกถึงความปลอดภัย ห่างไกลผู้มีอิทธิพล ผบ.ตร.สั่งดำเนินการทันที จึงสั่งตำรวจภูธรภาค 2 เป็นแม่งาน มีตำรวจสอบสวนกลางคือตำรวจกองปราบปรามร่วมด้วย มีการตรวจค้นหลายจุดตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. แล้ว วันนี้ตรวจค้นเพิ่มอีก 5 เป้าหมาย ทั้งนี้ จากแนวทางการข่าวพบว่าช่วงนี้ความรุนแรงเริ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่ ดังนั้นต่อไปนี้ตำรวจจะกวาดล้างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ปราจีนบุรีจังหวัดเดียว

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนการโอนคดีสจ.โต้งจาก สภ.เมืองปราจีนบุรี มาให้กองปราบปรามทำคดีแทนขณะนี้หนังสือน่าจะถึง ตร.แล้ว วันที่ 16 ธ.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้โอนสำนวนคดีมาให้กองปราบปรามทำได้ทันที

นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงนายสุนทรผู้ต้องขังคดี สจ.โต้งพร้อมผู้ต้องขังอีก 6 คนที่นอนเรือนจำนครนายกเป็นคืนที่ 2 ว่า นายสุนทร และพวกยังคงอยู่ในห้องกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการของเรือนจำในคืนที่ 2 ทั้งหมดยังคงหลับได้เป็นปกติ ยังไม่มีรายใดมีอาการเจ็บป่วยจนต้องพบแพทย์ หรือขอยารักษา จากการสังเกตและสอบถามโกทร เจ้าตัวปรับตัวได้ หากพ้นกักโรค 5 วัน จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะนำตัวมาอยู่ที่สถานพยาบาลเรือนจำ เพื่อสะดวกต่อการดูแล เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังสูงอายุลุกเดินลำบากและมีโรคประจำตัวที่ต้องดูแล ขณะนี้ยังไม่มีอาการบ่งชี้ว่าจะต้องนำไปรักษาตัวภายนอกแต่อย่างใด ส่วนเมนูอาหาร 3 มื้อในวันนี้ มื้อเช้าเป็นข้าวสวยและผัดผักกาดขาว มื้อกลางวันเป็นเมนูราดหน้า มื้อเย็นเป็นเมนูข้าวสวยและแกงส้ม ทุกคนรับประทานอาหารได้ปกติ อีกทั้งยังไม่มีทนายความรายใดมาขอเข้าพบทั้ง 7 ราย เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ