โฆษก “ดีเอสไอ” แจงเร่งทำหนังสือเสนอนายกรัฐมนตรีขอตำรวจชุดทำคดีดิ ไอคอน ร่วมทีมคดีพิเศษ ยันไม่ใช่เปลี่ยนม้ากลางศึก แต่ทั้ง 2 หน่วยจะทำงานร่วมกันจนกว่าคดีจะจบ สศค.ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมดีเอสไอ พิจารณาเข้าข่ายผิดคดีฉ้อโกงหรือไม่ รับอยู่ระหว่างทบทวน ก.ม.ในมือเพราะใช้มากว่า 40 ปีแล้ว “ประเสริฐ” บิ๊กดีอีเผยต้องขยายเวลาสอบปม “เทวดา สคบ.” เหตุยิ่งคุ้ยยิ่งเจอ ด้าน กมธ.สคบ.ย้ำทุกหน่วยงานรัฐหลังเรียกมาแจงคืบหน้า ขอช่วยทำคดี เพราะป่านนี้ยังสาวไม่ถึงเทวดา “ไผ่” เดือดพิษคลิป นาย ส.ทำคน กมธ.เสียหาย ลั่นถ้าไม่คืบจะยื่นฟ้องคดีเอง
ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด เป็นคดีพิเศษ รับสำนวนจากตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความตำรวจทั่วประเทศดำเนินคดี บ. ดังกล่าวหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก ไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมตเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ และฟอกเงิน ช่วงแรกก่อนรับเป็นคดีพิเศษ ตำรวจจับกุม 18 บอส นำนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงลูกข่ายและผู้เกี่ยวข้องฝากขังคุมตัวเข้าเรือนจำไปแล้ว ล่าสุด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เสนอขอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอพนักงานสอบสวนตำรวจสอบสวนกลางที่เคยทำคดีตั้งแต่ต้นรวมทั้งอัยการมาร่วมกับดีเอสไอ เพื่อให้สะดวกต่อการทำคดีโดยเฉพาะการขอออกหมายจับผู้ต้องหาลอตที่ 2 ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
เร่งทำหนังสือเสนอ “นายกฯอิ๊งค์”
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงการสอบสวนและความคืบหน้าการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า กระบวนการของดีเอสไอในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเร่งดำเนินการเรื่องธุรการทางคดี อาทิ การทำหนังสือเสนอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อแต่งตั้งข้าราชการในหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมาร่วมสอบสวนในฐานะพนักงานสอบสวนตามกฎหมายของดีเอสไอ หรือ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เป็นไปตามที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 30 ต.ค. เช่นการเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ก. มาร่วมเป็นพนักงานสอบสวน เป็นต้น และจะมีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อทำหน้าที่สอบสวน รวมทั้งการส่งหนังสือเสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้มีพนักงานอัยการมาร่วมเป็นที่ปรึกษาในคดี
ย้ำทำคดีร่วมตำรวจจนจบ
โฆษกดีเอสไอกล่าวต่อว่า ส่วนจำนวนเจ้าหน้าที่คดีพิเศษของดีเอสไอที่จะแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวนในคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่ของกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบเพียงเท่านั้น อาจมีจากกองคดีอื่นก็เป็นได้ อย่างไรจะมีการหารือกับ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อประชุมเรื่องการจัดรูปแบบการสอบสวน ยืนยันดีเอสไอจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง เพราะตำรวจถือเป็นกำลังหลัก ไม่อยากให้เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก ทั้ง 2 หน่วยงานจะทำร่วมกันไปจนจบ เนื่องจากตำรวจจะทราบรายละเอียดเยอะ เพราะทำสำนวนมาก่อน แต่ดีเอสไอจะช่วยเสริมเพิ่มเติม เน้นย้ำว่าเป็นภาพความร่วมมือระดับประเทศ ไม่ใช่ภาพการทำงานของดีเอสไอหรือตำรวจอย่างเดียว เพียงแต่ว่ากฎหมายของดีเอสไอสามารถบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานได้
ผบ.ตร.ยันไม่มีปัญหาเรื่องรอยต่อ
พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษที่ 115/2567 หรือคดีการฟอกเงินทางอาญาของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ได้ตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินได้พอสมควรแล้ว ส่วนข้อมูลเส้นทางการเงินที่นำเสนอข่าวกันอยู่นั้น ยังไม่ได้รับรายงานถึงที่มาที่ไป ยังไม่สามารถสรุปได้ทันทีว่าเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงหรือไม่ ส่วนประเด็นรับแจ้งความผู้เสียหายในกรณีลงทุนกับบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ภายหลังเป็นคดีพิเศษแล้ว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ยืนยันไม่มีปัญหาเรื่องรอยต่อ เนื่องจาก พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 แม้เป็นคดีพิเศษแล้ว ตำรวจก็ยังรับคำร้องทุกข์กล่าวโทษได้ และ ตร.ยังเป็นศูนย์กลางในการรวมคำร้องทุกข์และส่งต่อให้ดีเอสไอ
สำนวนส่งอัยการทันก่อนฝากขัง
พ.ต.ต.วรณันกล่าวอีกว่า สิ่งที่ดีเอสไอเป็นห่วงคือผู้ต้องหาที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ และพยานหลักฐานที่ต้องเร่งรีบรวมข้อเท็จจริงว่ามีเหตุเพียงพอที่ดีเอสไอจะต้องเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนจะเป็นการเเจ้งข้อหา พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือไม่ ต้องดูรายละเอียดภายในสำนวนก่อน เพราะเวลาการฝากขังผัดแรกงวดเข้ามาแล้ว ต้องรีบส่งสำนวนให้กับอัยการทันก่อนฝากขังผัดแรก หรือประมาณปลายเดือน พ.ย. หากไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนต้นเดือน ธ.ค.จะครบการฝากขัง 4 ผัด
ดูเนื้อหาก่อนดำเนินการต่อ
โฆษกดีเอสไอกล่าวต่อว่า สำนวนที่ต้องส่งให้อัยการในการฝากขังผัดแรกต้องดูเนื้อหาในสำนวนว่ามีอะไรที่ต้องไปดำเนินการต่อ เพราะสำนวนคดีมีหลายพาร์ต อย่างการออกหมายจับ 18 ผู้ต้องหาที่ดำเนินการโดยตำรวจสอบสวนกลาง แต่ในส่วนผู้เสียหายรายอื่นที่ได้ให้การไว้กับโรงพักทั่วประเทศ อันนี้อาจจะรวมมาอยู่ในคดีของตำรวจ หรือจะมาเป็นคดีต่อเนื่องของดีเอสไอก็ได้ ดังนั้น เนื้อหาการสอบสวนคงต้องไปดูกันอีกที
เอกสารตอนนี้กว่า 1 แสนแผ่น
พ.ต.ต.วรณันกล่าวด้วยว่า หากผู้เสียหายในคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ท่านใดประสงค์แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ยังคงไปให้การได้ที่ศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดีดิ ไอ คอน บช.ก. หรือสถานีโรงพักทั่วประเทศ เพื่อให้สำนวนการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานต่างๆถูกรวบรวมและส่งต่อมายังดีเอสไออย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ผอ.ส่วนภายในกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบไปดูรายละเอียดของสำนวนต่างๆที่ได้รับจากตำรวจสอบสวนกลาง ล่าสุดดีเอสไอรับมาแล้วกว่า 50 ลัง เอกสารกว่าแสนแผ่น มีทั้งเอกสารการสอบปากคำผู้เสียหาย เอกสารคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย และพยานหลักฐานอื่นและคำให้การอื่น
“ทนายบอสพอล” เลื่อนนัด
เช้าวันเดียวกัน มีรายงานว่า นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายบอสพอล จะมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือ 2 ประเด็น คือ 1. สอบถามเรื่องรายละเอียดการนำพยานฝ่ายตนเองกว่า 2,000 คน เข้าให้ปากคำว่าจะต้องไปให้ปากคำที่ดีเอสไอหรือ ปคบ. รวมถึงสอบถามศักยภาพเจ้าหน้าที่ว่าในแต่ละวันจะสอบปากคำได้กี่คน อ้างว่าวางแผนไว้หากสอบปากคำวันละ 120 คน จะให้เวลาเพียง 20 วันในการสอบปากคำเสร็จทันส่งสำนวน หากรับได้ไม่ถึงจำนวนที่วางไว้จะใช้เวลาสอบปากคำนานขึ้น นอกจากนี้จะขอให้ออกหมายเรียกสมาชิก “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ที่ไม่เข้าแจ้งความกว่า 200,000 คน มาให้ปากคำด้วย และ 2.ขอให้พิจารณาดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีนำพยานเท็จพบตำรวจอ้างว่าดีเอสไอเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เรียกรับเงินดิ ไอคอน กรุ๊ป ทำให้ดีเอสไอเสียหาย จะดำเนินคดีหรือไม่ แต่ช่วงสายได้แจ้งยกเลิกและนัดหมายเป็นเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พ.ย.
เดชาลั่น “หมาเห่าไม่กัด”
วันเดียวกัน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ กล่าวตอนหนึ่งในรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” ทางช่อง 3 ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า กรณีทนายอ๋อง ทนายความบอสพอลที่ออกมาพูดรายวันว่าจะฟ้องคนนั้นคนนี้เป็นการข่มขู่พยาน ถ้าแน่จริงพอแถลงข่าวแล้วขอให้ไปแจ้งความจับเลย นาย ส. รองโฆษกพรรคน่ะไปแจ้งความจับหรือยัง เทวดาไปแจ้งความจับหรือยัง ทนายตั้มไปแจ้งความจับหรือยัง แม่ข่ายไปออกรายการโหนกระแสไปแจ้งความจับหรือยัง “หมาเห่าไม่กัด เชื่อพี่เด พี่เดเรียนมา”
สศค.ร่วมทำคดีตามที่ร้องขอ
อีกด้านหนึ่ง นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า อยู่ระหว่างรอความเห็นจาก สศค.เพื่อพิจารณาคดีผู้บริหาร ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่าเข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) หรือไม่นั้น ว่า สศค.อยู่ระหว่างร่วมมือกับดีเอสไอพิจารณาเรื่องดังกล่าวอยู่ว่าเข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงหรือไม่ ดีเอสไอได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ สศค.แล้ว เพื่อสอบถามเกี่ยวกับ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ที่ สศค.ถืออยู่ ขณะเดียวกัน สศค.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญไปช่วยดีเอสไอ โดยร่วมอยู่ในคณะสอบสวนคดีดังกล่าว ตามที่ดีเอสไอร้องขอด้วย ทั้งนี้การพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดคดีฉ้อโกงตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามข้อมูลพยานหลักฐาน ในส่วนข้อมูลหลักฐานกระทรวงการคลังไม่มี เป็นเพียงผู้ถือกฎหมายจำเป็นต้องร่วมมือกับตำรวจในการร่วมกันพิจารณา
3 เงื่อนไขเข้าข่ายความผิด
นายพรชัยกล่าวต่อว่า สำหรับเงื่อนไขการพิจารณาว่าจะเข้าองค์ประกอบความผิดฉ้อโกงหรือแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ 3 ข้อประกอบด้วย 1.การโฆษณาชวนเชื่อเป็นจำนวนเท่าไร 2.การกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย และ 3.ไม่ได้ประกอบอาชีพการซื้อขายจริง แต่นำเงินมาจากที่อื่นมาจ่ายให้กับผู้เสียหาย
แฉกำลังทบทวน ก.ม.ใช้กว่า 40 ปี
ผอ.สศค.กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ สศค.ยังอยู่ระหว่างร่วมกับกฤษฎีกาพิจารณาทบทวน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 เพื่อให้เป็นปัจจุบันและทันสมัยขึ้นตามนโยบายของ รมว.คลัง เนื่องจากขณะนี้รูปแบบการทำธุรกิจมีความซ้ำซ้อนมากขึ้น หลังจากใช้มานานกว่า 40 ปี รวมถึงจะดูถึงความเหมาะสมในการให้หน่วยงานไหนเป็นคนกำกับดูแลอีกด้วย
ขยายเวลาสอบปมเทวดา
ก่อนนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเทวดาในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)หลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ.เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ว่า ล่าสุดได้เรียกบุคคลภายนอกมาสอบเพิ่ม 6 คน บุคคลภายใน 11 คน กำลังดำเนินการอยู่ยอมรับว่าอาจต้องขยายเวลาออกไป เพราะยิ่งสอบยิ่งเจอ แต่ไม่ได้เจอตอไม่กลัวอยู่แล้ว แต่มันมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องเรียกข้อมูลเพิ่มเติม
กมธ.สคบ.เรียกตัวแทนแจง
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร มีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป มีการเชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ซัดดีเอสไอนิ่ง-คลิปพาดพิง
ต่อมานางบุญยิ่งให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้รับการยืนยันว่าการทำงานร่วมกันระหว่าง ตร. ดีเอสไอ และ ปปง. ไปด้วยดีไม่มีอะไรติดขัด เมื่อถามว่ามีการสอบถามถึงเทวดาใน สคบ.หรือไม่ นางบุญยิ่งกล่าวว่า เรื่องเทวดาใน สคบ.ยังไปไม่ถึง เพราะการหารือสงสัยว่ามีคลิปพาดพิงถึงดีเอสไอ แต่ดีเอสไอกลับนิ่งเฉย ไม่แก้ไขปัญหาที่ตัวเองถูกพาดพิงได้รับความเสียหาย และขอเวลาเร่งดำเนินการสอบสวนให้ชัดเจนกว่านี้
บี้เล่นคนปล่อยพยานเท็จป่วน
นางบุญยิ่งกล่าวอีกว่า วันนี้ ตร.นำเส้นทางการเงินของนาย ส. มาให้ดู ว่ามีทรัพย์สินอย่างไรบ้าง มีเงินเข้าเงินออกอย่างไร เอกสารยืนยันจากธนาคารต้องรอหลายวัน แต่ตัวแทน ตร. ดีเอสไอ และ สตง. รับปากว่าจะร่วมกันเร่งทำงานเพื่อให้สังคมคลายความกังวล ส่วนกรณีที่นำพยานปลอมเข้ามานั้น มองว่าเป็นการทำให้สังคมและตำรวจสับสน มองเห็นชัดแล้วว่าพาดพิงถึงใคร ดีเอสไอต้องดำเนินการตรงนั้นก่อน
“ไผ่” ยังคาใจปมยึดนาฬิกาเก๊
ด้านนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ร้องเรื่องคลิปนาฬิกาปลอม กล่าวว่า ได้ซักถามผู้ที่มาชี้แจงถึงเรื่องคลิปที่พาดพิงถึงดีเอสไอ รวมถึงกรณีดีเอสไอบุกจับนาฬิกาปลอมของบอส ดิ ไอคอน มีขั้นตอนรับเรื่องอย่างไร เหตุใดผู้แจ้งเบาะแสถึงโทร.หาดีเอสไอ ได้รับคำชี้แจงว่า ผู้แจ้งระบุว่าเป็นของบอสอ๊อฟ แต่ส่วนตัวมองไม่น่าใช่ แต่ดีเอสไอรับปากว่าจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง
สงสัยแต่ให้โอกาสทำงานก่อน
เมื่อถามว่ามีการพูดคุยถึงการออกหมายจับแม่ข่ายในรอบ 2 หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนั้น แต่ทั้งตำรวจ และดีเอสไอ ยืนยันไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเรื่องไปถึงไหนเอาความผิดเต็มที่ ส่วนกรณีที่มี สว.ออกมาท้วงว่า หากคดีอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอจะทำให้คดีขาดอายุความก่อนที่จะดำเนินคดีนั้น ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จุดที่สงสัยคือทำไมฝั่งผู้ต้องหาถึงพยายามก่อเรื่องในลักษณะให้มีการจับนาฬิกาปลอม หรือโยนคดีไปให้ดีเอสไอ แต่เราต้องให้โอกาสเขาทำงานก่อน วันนี้ย้ำถึงการทำงานให้สังคมหายสงสัย และแก้ปัญหาให้ประชาชนที่เสียหายได้รับความเป็นธรรม
พิษคลิปนาย ส.-กมธ.เสียหาย
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่านายวรัตน์พล หรือ บอสพอล วรัทย์วรกุล อาจรอดคดี นายไผ่กล่าวว่า ไม่สามารถไปตัดสินอย่างนั้นได้ แต่กรณีที่ กมธ. ถูกแอบอ้างจากบุคคลคนหนึ่งซึ่งตนเป็นหนึ่งใน กมธ.สคบ.ชุดเก่าและนางบุญยิ่งในฐานะประธาน กมธ. ชุดใหม่ รวมถึงสภาฯได้รับความเสียหายจากคลิปนาย ส. ตรงนี้เราเจาะคุยหลายเรื่อง มีมุมความผิดอีกหลายเรื่อง วันนี้ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ปปง.ไปว่าต้องทำให้เป็นรูปธรรมให้ประชาชนสบายใจ ย้ำไปว่ามีทรัพย์สินตรงไหนที่ควรต้องไปตาม
กัดไม่ปล่อยคนทำร้ายองค์กร
นายไผ่กล่าวต่อว่า ล่าสุดที่พบข้อมูลว่ามีการโอนเงินไปให้แม่ของนาย ส.จำนวน 2.5 ล้านบาท ให้ตรวจสอบทั้งหมดทั้งคนในครอบครัว ทั้งที่มีและไม่มีเส้นทางการเงิน ดีเอสไอรับปากในสิ่งที่เราติติงไป “คนเอามาก็คงไม่รู้ว่ามันจะ…ขนาดนี้ แต่หลังจากนี้เราจะเอาความจริงเล่นกัดไม่ปล่อย เพราะมันเป็นการทำร้ายองค์กร”
ลั่น คดี “ส.” ไม่คืบจะยื่นร้องเอง
นายไผ่กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังหารือถึงเรื่องการนำพยานปลอมมาในคดีดิ ไอคอน กมธ.ย้ำว่าให้ดำเนินการให้เด็ดขาดไม่ว่าสาวถึงใคร เพราะทำให้คดีเสียหาย ซึ่งตัวแทนทุกพรรคที่อยู่ใน กมธ.เห็นพ้องกันว่าจะไม่ปกป้องคนผิด ไม่ให้มีการแทรกแซง ส่วนจะเชิญนักการเมือง ส. มาชี้แจงหรือไม่ยังไม่มีพูดถึง รอให้ขั้นตอนเดินไปถึงจุดนั้นก่อน ประธาน กมธ.ยังสำทับไปกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่า ทำไมคดีอื่นคืบหน้าเร็วแต่คดีนี้ล่าช้า แม้กระทั่งตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องยังระบุชื่อจริงไม่ได้ ต้องใช้อักษรย่อเป็นเพราะอะไร ตัวแทนตำรวจที่มาชี้แจงวันนี้คือกลุ่มงานที่ทำคดีดิ ไอคอน ไม่ได้ทำคดีที่เกี่ยวกับนาย ส. แต่ถ้าคดีนี้ยังไม่คืบหน้าจะยื่นร้องเรื่องนี้เอง และขอให้นางบุญยิ่งนำเรื่องคดีนักการเมือง ส. เข้ามาพิจารณาเพื่อความชัดเจน
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ