“ดีเอสไอ” หอบสำนวนคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป 340,000 แผ่น ส่งอัยการแล้ว มีความเห็นสั่งฟ้อง 18 บอส กับ 1 นิติบุคคล ผู้เสียหายรวม 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,644 ล้านบาท เตรียมพิจารณาดำเนินคดีแม่ข่ายเพิ่มเติมด้วย อธ.อัยการคดีพิเศษ รับสำนวนเหลือเวลาก่อนครบฝากขังอีก 1 ผัด ยันสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาต่อศาลทันแน่นอน เดินเครื่องเต็มที่ตั้งทีม ทำงานช่วงวันหยุดปีใหม่ก็ไม่พัก ไม่กังวลประเด็นสอบ พยานฝ่ายผู้ต้องหาไม่ครบ 2,400 คน เพราะไม่จำเป็น ต้องสอบพยานทุกปากตามที่ร้องขอ ด้านทนายบอสพอลโวย ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งการสอบพยาน ฝ่ายผู้ต้องหา และข้อมูลของพยานฝ่ายผู้เสียหาย ร้องขอความเป็นธรรมกับ อสส.แน่ เล็งยื่นประกันตัว ทั้ง 18 บอส วันอัยการสั่งคดี เพราะไม่สามารถไปยุ่งเหยิง กับพยานหลักฐานได้แล้ว
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกันแถลงรายละเอียดการส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด หรือคดีพิเศษ ที่ 119/2567 ไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ กล่าวว่า การสอบสวนสำนวนคดีดิ ไอคอนฯใช้เวลาสอบสวนเพียง 54 วัน คณะพนักงานสอบสวนมีมติสั่งฟ้องผู้ต้องหา 18 คนและ 1 นิติบุคคล ฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 สืบเนื่องจากดีเอสไอรับสำนวนจาก บช.ก. ซึ่งสอบสวนไว้ เบื้องต้นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ หลังดีเอสไอรับสำนวน เราตั้งผู้มีความรู้เชี่ยวชาญด้าน ต่างๆมาเป็นที่ปรึกษา ไม่ว่าจะด้านบัญชี ด้านเทคโนโลยี รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่กรมพัฒนา ธุรกิจการค้า กรมสรรพากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทั่งเห็นควรสั่งฟ้องทั้ง 4 ข้อกล่าวหา ในส่วนความผิด อาญาฐานฟอกเงิน ความผิดเกี่ยวกับภาษีและบัญชีดีเอสไอแยกไว้สอบสวนอีกส่วน
“ขอขอบคุณหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะ เป็นสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ประสานงาน การสอบสวนร่วมกันมาตลอด ทำให้สามารถรวบรวมพยาน หลักฐานเอกสารกว่า 340,000 แผ่น 900 กว่าแฟ้ม 165 ลัง ดีเอสไอจะนำส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษวันนี้ ส่วนการยึดและอายัดทรัพย์สินผู้ต้องหา ดีเอสไอตรวจยึดและอายัดทรัพย์แล้ว 747 ล้านบาท เป็นพวกอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์หรู จะทำรายการ ทรัพย์สินนำส่งสำนักงาน ปปง.เพื่อเข้าสู่กระบวนการ ปปง.จะนำสำนวนส่งพนักงานอัยการเพื่อเสนอต่อศาล ให้มีคำสั่งให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินจะได้เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย เฉลี่ยทรัพย์สินชดใช้ คืนตามกฎหมาย และดีเอสไอจะขยายผล สืบทรัพย์ผู้ต้องหาเพิ่มเติมแน่นอน” อธิบดีดีเอสไอกล่าว
พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวอีกว่า ส่วนสำนวนการฟอกเงิน ทางอาญาของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ปฯ หรือคดีพิเศษที่ 115/2567 ดีเอสไอยังอยู่ระหว่างดำเนินการขยายผล ตรวจสอบบัญชีและทรัพย์สินต่างๆ หากคืบหน้าจะนำเรียนต่อไป ส่วนประเด็นทนายความผู้ต้องหาจะใช้สิทธิโต้แย้งในชั้นพนักงานอัยการ กรณีสอบปากคำพยานผู้ต้องหาเข้าสู่สำนวน เนื่องด้วยดีเอสไอ สอบปากคำนำเข้าสำนวนเพียง 50 คนนั้น ถือเป็น สิทธิสามารถร้องขอความเป็นธรรม แต่ที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนลงมติแล้วว่า ประเด็นเพียงพอ ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้ว ดีเอสไอรับฟังคำให้การของ ทุกฝ่ายเข้าสู่สำนวนการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว
“ส่วนดีเอสไอจะขยายผลไปยังกลุ่มแม่ทีมหรือไม่ ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างวิเคราะห์คำให้การ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าจะกล่าวหาใครเพิ่มเติมหรือไม่ แต่เชื่อว่าน่าจะมี ส่วนกรณีผู้มีความรู้ด้านกฎหมายมีพฤติการณ์ข่มขู่พยานหรือผู้เสียหายของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ปฯ เรื่องนี้ ดีเอสไอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอยู่ว่ามีการกระทำ ความผิด ละเมิดกฎหมาย หรือคุกคามข่มขู่พยานหรือไม่ ถ้ามีพยานหลักฐานเข้าองค์ประกอบจะดำเนินคดี หากภายหลังส่งสำนวนแล้ว และพนักงานอัยการคดี พิเศษมีหนังสือคำแนะนำอยากให้ดีเอสไอสอบสวนประเด็นใดเพิ่มเติม หรือแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลใด เพิ่มเติม ดีเอสไอจะรับกลับมาดำเนินการตามขั้นตอน” พ.ต.ต.ยุทธนากล่าว
ที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เวลา 14.00 น. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันดร์กิจ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้อง “บอสพอล” นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มีพยานเอกสาร 348,209 แผ่น พยานบุคคล 8,071 ปาก ผู้เสียหาย 7,875 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,644 ล้านบาท ส่งมอบให้นางเยาวลักษณ์ นนทแก้ว อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พร้อมคณะ นายสรกฤช งามวงษ์วาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 นาย นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด และ พ.ต.ท.ปัณณฑัต บุญอินทร์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดร่วมรับสำนวนคดี
นางเยาวลักษณ์กล่าวว่า หลังรับสำนวนคดีจะพิจารณาตั้งคณะทำงานพิจารณา คาดว่าใช้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษประมาณ 5-6 คน มอบหมายให้นายสรกฤช งามวงษ์วาน อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนกรอบระยะเวลาการพิจารณาเหลือฝากขังอีก 1 ฝาก ไม่เกิน 20 วัน พร้อมเร่งพิจารณาสั่งคดีให้ทัน ช่วงวันหยุดปีใหม่จะไม่หยุดเพื่อให้ทันเวลา หากทนายผู้ต้องหายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้สอบพยานเพิ่มจนอาจสั่งคดีไม่ทัน เรื่องนี้ไม่กังวลเพราะเรากำหนดกรอบและประเด็นไว้ ไม่จำเป็นต้องสอบพยานทุกปากตามที่ร้องขอ ส่วนพยานที่อาจไม่ได้สอบ ผู้ต้องหาสามารถนำไปสู้คดีชั้นศาลได้ ไม่รู้สึกหนักใจจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายแน่นอน
ด้านนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ กล่าวว่า อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะนัดฟังคำสั่งภายในวันที่ 8 ม.ค.68 อีกครั้ง ขอให้มั่นใจว่าอัยการสำนักงานคดีพิเศษจะเร่งทำสำนวนคดีนี้รอบคอบและทันกรอบเวลา
ขณะที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความบอสพอลเดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า ยอมรับว่าคดีนี้ยังไม่พร้อมสู้คดีให้ลูกความแต่ละคน เนื่องจากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านข้อมูลคดีมาให้ลูกความพิจารณาต่อสู้ จึงรวมทนายผู้ต้องหาทุกคนร่างคำร้องขอความเป็นธรรมกับ อสส. เรื่องการสอบปากคำพยานฝั่งดิ ไอคอน ขณะนี้ดีเอสไอสอบปากคำฝั่งตนเพียง 30 ปาก จากกว่า 2,400 ปาก ประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือ เรื่องรายงานพฤติการณ์ผู้เสียหาย 9,000 กว่ารายให้สรุปพฤติการณ์มาให้โดยละเอียด รวมถึงรายชื่อพยานและผู้เสียหายในคดีว่า มีบุคคลใดบ้างมูลค่าความเสียหายและรูปแบบพฤติการณ์ของลูกความตนอย่างไร เพื่อทำคำให้การได้ถูกต้อง แต่ปรากฏว่าไม่ได้ตามที่ขอ
นายวิฑูรย์กล่าวด้วยว่า กรณีหลายฝ่ายมองว่า การขอความเป็นธรรมเป็นการยื้อคดี เรื่องนี้มองว่าไม่ได้ยื้อเวลา เชื่อว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรม หากเรื่องไปถึงชั้นศาลตนคงต้องให้ลูกความไม่รับข้อเท็จจริงของพยานและผู้เสียหาย อาจทำให้ศาลต้องสอบพยานทุกคน เห็นว่าจะยิ่งทำให้เสียเวลาทั้งศาลและทุกคน ส่วนกระแสข่าวว่าจะดำเนินคดีแม่ข่ายเพิ่มเติม หากทำจริงต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน ไม่อยากให้เรื่องเลยเถิด อย่าทำตามกระแส ส่วนการยื่นประกันตัวผู้ต้องหาที่ผ่านมายื่นประกันตัวไปแล้ว 4 คน ครั้งนี้อาจยื่นประกันตัวในวันที่อัยการสั่งฟ้องก็เป็นได้ หากอัยการสูงสุดสั่งฟ้องเราต้องพร้อมสู้คดี แต่ในชั้นสอบสวนตอนนี้ยังมีหลายประเด็นต้องการให้สอบสวนต่อ ยังสอบสวนไม่ครบและยังมีอีกหลายเรื่องที่เรายังไม่ได้รับสิทธิ์ตามกฎหมาย
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ