ด้วยความที่เป็นคดีใหญ่ ชาวบ้านเดือดร้อนเยอะ หลัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โอน คดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ไปให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นแม่งานดำเนินการต่อ

หลายคนหวั่นว่า คดีจะล่าช้า?

แต่หลังจากรับสำนวนบางส่วนเพียงวันเดียว ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ ฐานะประธานกรรมการกลั่นกรองการรับคดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ เรียกประชุมคณะกรรมการฯพร้อมเชิญ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.ตัวแทนตำรวจเข้าร่วมประชุม เพื่อตอบข้อสงสัยรายละเอียดในสำนวนที่ดำเนินการมา

ตั้งแต่ผู้เสียหายเริ่มเข้าแจ้งความร้องทุกข์ จนออกหมายจับ 18 บอส ฝากขังส่งตัวเข้าเรือนจำไปเรียบร้อย ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

หลังประชุมทั้งดีเอสไอและตำรวจจูบปากออกมาแถลงข่าวเป็นทางการ ประกาศรับคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปเป็นคดีพิเศษ อธิบายว่า เป็นแค่เปลี่ยนเจ้าภาพจากตำรวจมาเป็นดีเอสไอ แต่ยังจับมือกันทำงานเหมือนเดิม

ไม่ได้ขัดแย้ง ไม่ได้งอน ไม่มีปัญหากัน?

และข้อหาที่ดีเอสไอพิจารณาดำเนินคดีกับ 18 บอส คือความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือเรียกภาษาชาวบ้านคือ คดี “แชร์ลูกโซ่” หรือ “ธุรกิจขายตรงแอบแฝงแบบแชร์ลูกโซ่”

ที่คณะพนักงานสอบสวนของตำรวจให้สัมภาษณ์มาตลอดว่า ต้องการสอบสวนให้เข้าข้อกฎหมายนี้ เพราะโทษหนักกว่าคดีฉ้อโกงประชาชน เป็นจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 5 แสนถึง 1 ล้านบาท!

หลังเข้าไปแจ้งข้อหาในเรือนจำ มีอำนาจฝากขังได้ 7 ผัด 84 วัน มีเวลาเพิ่มมาพอสมควร เพื่อสอบสวนผู้เสียหายที่ยังทะลักมาไม่ขาดสาย ใกล้ 4 พันคนเข้าไปทุกขณะ

จะได้เห็นฝีมือการรวบรวมพยานหลักฐานของดีเอสไอ ที่ขออัยการแผ่นดินมาเป็นที่ปรึกษา และเชิญผู้เชี่ยวชาญคดีแชร์ลูกโซ่อีกหลายคนมาช่วยเพื่อความรอบคอบ เพื่อเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหาให้ได้

ไม่น่ามีมวยล้มต้มคนดู อย่างที่หวั่น?

สหบาท

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม