ปราจีนบุรี ชาวบ้านรวมตัวเค้นหาความจริง หลังพบชายหน้าเจ้าคณะตำบล วีดีโอคอลสยิว เปลือยกายคุยกับสาว เจ้าตัวยอมรับคุมสติตัวเองไม่ได้ ส่วนภาพอวัยวะเพศ ถูกตัดต่อแน่นอน เชื่อเป็นฝีมือของมิจฉาชีพ ต้องแบล็กเมล์เรียกเงิน พระที่กบินทร์บุรี ก็โดนมาแล้ว เสียเงินร่วมแสน รอสำนักพุทธ ขยับ
จากกรณีที่มีภาพหลุด ซึ่งเป็นภาพลักษณะคล้ายพระภิกษุสงฆ์สวมใส่หมวกไหมพรม คุยวีดีโอคอลกับหญิงสาวปริศนา โดยทางฝ่ายชายที่คุยวีดีโอคอลถอดเสื้อ ต่อมาปรากฏภาพโชว์อวัยวะเพศ ซึ่งภาพสยิวดังกล่าวได้ถูกส่งต่อให้กับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ โดยหลังจากชาวบ้านได้รับภาพสยิวที่ถูกส่งต่อกันแล้ว ทำให้ชาวบ้านในส่วนหนึ่ง วิพากษ์วิจารณ์ในทางลบเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ได้เห็นจากที่มีการส่งต่อกันมา ซึ่งพระที่ถูกแชร์อยู่ในเฟซบุ๊กนั้น มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบล
ความคืบหน้าเมื่อช่วงสายของวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 12 ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ได้นัดรวมตัวกันที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นสังกัดของพระรูปดังกล่าว ซึ่งอยู่ในภายในพื้นที่ เพื่อทำการสอบถามความจริง กับทางเจ้าอาวาสวัด ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยได้มีทางปลัดอาวุโสอำเภอกบินทร์บุรี พร้อมด้วยผู้นำชุมชนร่วมเป็นสักขีพยาน และร่วมซักถามกับเจ้าอาวาสผู้ที่ปรากฏในภาพสยิวดังกล่าว ด้วยการพูดคุยทั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ซึ่งทั้งนี้ทางด้านพระอธิการ อุกฤษ อายุ 56 ปี เจ้าอาวาสผู้ที่ปรากฏในภาพ ได้กล่าวกับคณะผู้ที่เข้าสอบถามในครั้งนี้ โดยได้กล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วง 20:30 น. ของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งตนเดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานคร ขณะนั้นตนกำลังที่จะอาบน้ำ ได้มีวีดีโอคอลทักเข้ามาหาตน ตนจึงได้รับสายวีดีโอคอลนั้น ไม่ได้มีการพูดคุยกับทางผู้หญิง
เบื้องต้นก่อนหน้านี้ มีการโทรคุยกันแล้วมาสัก 2-3 วัน โดยโปรไฟล์ที่เขาทักเข้ามาพูดคุยกับตนนั้นเหมือนเป็นราชการครูอยู่ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น หรือ นครราชสีมา ซึ่งขณะที่คุยวีดีโอคอลนั้น ตนก็ไม่ได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงที่โทรเข้ามา โดยขณะที่วีดีโอคอลอยู่นั้น ตนก็กำลังเปลือยกายอยู่ โดยทางอีกฝั่ง ได้มีการโชว์ของลับของตนเอง โดยหลังจากที่คุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนออกจากห้องน้ำก็รู้สึกเอะใจ ว่าเขาสามารถที่จะอัดคลิปของตนไปแบล็กเมล์ได้หรือไม่ พอผ่านไปสักพักประมาณ 5-10 นาที ทางผู้หญิงที่คุยวีดีโอคอลกับตนเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้แคปรูปภาพของตน พร้อมแคปเพื่อนที่อยู่ในเฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็นคณะสงฆ์หรือคนที่ตนรู้จัก ส่งมาให้ตนดูและบอกว่า หากไม่อยากให้นำคลิปหรือรูปภาพที่ทางฝั่งโน้นแคปไว้ไปเผยแพร่ ให้โอนเงินให้จำนวน 50,000 บาท ทางฝั่งนั้นจะลบคลิปลบภาพออกให้หมด
หลังจากนั้น ตนจึงมั่นใจว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพที่มาหลอกคุยกับตน ซึ่งทางตนก็บอกว่าจะโอนเงินให้แต่ตอนนี้ไม่มีเงิน ทางมิจฉาชีพที่คุยกับตนนั้น ก็สามารถระบุพื้นที่ธนาคาร สถานีตำรวจหรือคนที่ตนรู้จัก คนที่พอมีเงิน เพื่อที่จะให้ตนไปยืมเงิน และนำไปโอนในตู้ของธนาคาร แต่หลังจากที่ตนตั้งสติได้ จึงได้คุยกับไวยาวัจกรวัด ว่าตนคงโดนแบล็กเมล์ทางตนจึงไม่ยอมโอนเงินให้กับทางมิจฉาชีพ ตนจึงเดินทางไปแจ้งกับทางเจ้าคณะอำเภอ และเดินทางไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยชาวบ้านได้ทำการสอบถามกับทางเจ้าอาวาสวัด ว่า คนที่ปรากฏในภาพนั้นเป็นเจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และทำไมเจ้าอาวาสถึงรับโทรศัพท์ในขณะที่กำลังอาบน้ำ ซึ่งทางเจ้าอาวาสก็ยอมรับว่า ตนควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และยอมรับผิดในเรื่องนี้ ส่วนอวัยวะเพศที่ปรากฏในภาพนั้นยืนยันว่าไม่ใช่อวัยวะเพศของตน เป็นภาพที่ถูกตัดต่อนำมาเผยแพร่ พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า พระในพื้นที่ของอำเภอกบินทร์บุรี ก็โดนกลุ่มมิจฉาชีพจำพวกนี้ได้กระทำเช่นเดียวกับตนและเสียเงินมาแล้วร่วมแสน
ทั้งนี้ทางผู้สื่อข่าวยังได้ทำการสอบถามพระวิราช จันทโชโต ประธานสงฆ์บ้านโนนเจริญ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนก็ถูกมิจฉาชีพแบบนี้โทรมาหาตนลักษณะเดียวกันกับเจ้าอาวาส โดยได้มีการวีดีโอคอลมาชักชวนพูดคุย จากนั้นทางฝั่งที่โทรมาได้ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำ พร้อมยั่วยวนโชว์ต่อหน้า โดยจะพยายามให้ตนทำตามคำสั่งที่เขาบอก คือช่วยตัวเองโชว์ผ่านหน้าวีดีโอคอล แต่ตนมีสติและคิดได้จึงไม่หลงกล
ด้านนายกฤษณพงศ์ สีวิจิตร อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ได้กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องมาจากกลุ่มบุคคลหนึ่งที่รู้จักกัน และทราบเรื่องมาจากนักข่าวว่าทางสำนักพุทธได้ส่งภาพมาให้ โดยเรื่องที่กล่าวมานั้น ทราบตั้งแต่วันที่ 13-14 ส่วนรูปภาพเพิ่งได้มาเมื่อวานนี้ (20-พ.ย) ซึ่งหลังจากที่เห็นภาพแล้ว คนที่ปรากฏในภาพด้านบนนั้น ตนคิดว่าใช่เจ้าอาวาสที่อยู่ในวัด ส่วนภาพด้านล่างตนไม่แน่ใจว่าเป็นภาพของเจ้าอาวาสหรือไม่
จากที่ชาวบ้านเห็นภาพดังกล่าว ชาวบ้านก็เริ่มเสื่อมศรัทธา จนวันนี้จึงได้รวมตัวกันหาความจริงสอบถามกับทางเจ้าอาวาส ว่าใช่อย่างที่ปรากฏในคลิปหรือไม่ ถ้าหากตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องจริง แต่ภาพที่ปรากฏนั้น ถือว่าไม่เป็นการเสพเมถุน แต่เป็นโลกวัชชะ (เป็นโทษทางโลก ความผิดทางโลก อาบัติที่มีโทษทางโลกด้วย) และอีกหนึ่งเรื่องที่ชาวบ้านยังแคลงใจก็คือเรื่องของการเงินภายในวัด
“วันนี้ก็จะได้มีการประชุมในเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมบัญชีภายในวัด โดยเดือนที่ผ่านมาทางชุมชนได้จัดกฐินสามัคคีได้เงินมาเกือบ 600,000 บาท จึงอยากจะตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย”
ส่วนทางด้านนายธวัชชัย บุพลับ ปลัดอาวุโสอำเภอกบินทร์บุรี หลังจากร่วมเป็นสักขีพยานได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปของเจ้าอาวาสวัด ตนก็ได้เดินทางมาร่วมพูดคุยกับทางชาวบ้าน โดยทางหลวงพ่อ ก็ได้ยอมรับว่ามีการวีดีโอคุยกับทางสีกาจริง ส่วนในเรื่องของวินัยสงฆ์ ทางอำเภอก็จะนำเรื่องไปแจ้งทางคณะอำเภอ และนำเรื่องไปพูดคุยกับทางสำนักพุทธฯ ว่าทางสำนักพุทธและทางอำเภอ จะสามารถป้องกันหรือแก้ไข เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
กรอกข้อความใหม่
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ