ตำรวจแถลงการจับกุม “สันติ” คาด่านตรวจโคราช พบก่อเหตุลักทรัพย์หลายท้องที่ เจ้าตัวสารภาพหาเงินมาเสพยา ส่วนเมียที่จี้ตัวเองไม่ได้ช่วยเปิดทางหนี

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ สน.บางซื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ และตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลจับกุมนายสันติ เจ๊ะอะหลี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4903/2567 ลงวันที่ 4 ต.ค. 67 ในความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน, ยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือชุมชน และบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนฯ

ซึ่งขณะตำรวจเข้าจับกุม ผู้ต้องหาได้ยิงต่อสู้เจ้าพนักงาน และหลบหนีบริเวณซอยอินทามระ 29 แยก 3 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งล่าสุดสามารถติดตามจับกุมได้คนร้ายได้บริเวณด่านตรวจของ สภ.โพธิ์กลาง ถนนมิตรภาพมุ่งหน้าขาเข้า บริเวณปากทางเข้าบ้านคลองกระบือ หมู่ 7 ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจศูนย์สืบสวนตำรวจนครบาล, กก.สส.บก.น.2 สน.บางซื่อ และ สน.เตาปูน ได้สืบสวนติดตามคนร้ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าหลังจากก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีข้ามถนนวิภาวดีมายังฝั่งอาคารตลาดหลักทรัพย์ แล้วเดินทางไปที่ แฟลตห้วยขวาง เพื่อไปเอาเงินที่ฝากไว้กับเพื่อนกว่า 27,000 บาท 

จากนั้นได้เปลี่ยนชุดเป็นพนักงานส่งอาหาร สวมหมวกนิรภัยสีดำเต็มใบ เดินออกมาปากซอยประชาสงเคราะห์ 30 แล้วนั่งวินรถจักรยานยนต์มาที่ซอยรามคำแหง 53 จากนั้นเดินเท้ามาตามถนนเลียบคลองแสนแสบมาถึงซอยรามคำแหง 65 และเดินทางต่อเนื่องไปถึงซอยลาดพร้าว 112 จึงได้ถอดชุดพนักงานส่งอาหารทิ้งแล้วนั่งรถยนต์แท็กซี่ไปที่จังหวัดปทุมธานี รอจนเช้าจึงนั่งแท็กซี่ไปหาที่พักย่านรังสิต คลอง 4 พักจนเย็น จึงนั่งแท็กซี่มาที่ห้องพักรายวันในพื้นที่ อ.วังน้อย พักอยู่อีกประมาณ 2 วัน จึงหาเหมารถแท็กซี่ 8,000 บาท เพื่อหลบหนีไปยังภาคอีสาน

ต่อมาสืบสวนทราบว่าคนร้ายจะเดินทางไปยังภาคอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านเกิด จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจต่างๆ ตามเส้นทางการหลบหนี จนต่อมา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 67 เวลาประมาณ 00.30 น. สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา ตั้งจุดตรวจจุดสกัด พบรถแท็กซี่ต้องสงสัย และขอเข้าทำการตรวจค้น ปรากฏว่านายสันติได้วิ่งหลบหนี ตำรวจได้ติดตามจนสามารถจับกุมตัว และตรวจค้นพบอาวุธปืนลูกโม่ จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน .38 จำนวน 15 นัด ตรวจค้นกระเป๋านายสันติที่อยู่ในแท็กซี่ พบอาวุธกึ่งออโตเมติก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน จำนวน 17 นัด

จากการตรวจสอบ พบมีหมายจับติดตัวจำนวน 4 หมาย ดังนี้ 1. หมายจับศาลจังหวัดอำนาจเจริญ (หนีประกันศาล) ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหะสถานฯ 2. หมายจับศาลอาญา (สน.เตาปูน) ความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน 3. หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น (สภ.เมืองขอนแก่น) ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหะสถานฯ และ 4. หมายจับศาลอาญา (สน.บางซื่อ) ความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่

จากการสืบสวนพบว่า คนร้ายได้ก่อเหตุลักทรัพย์ต่อเนื่องในหลายท้องที่ ดังนี้ เมื่อ 14 ก.ย. 67 ก่อเหตุลักทรัพย์ได้เงินสด 900 บาท สุรา 1 ขวดในพื้นที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม, 16 ก.ย. 67 ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สภ.เมืองขอนแก่น, 18 ก.ย. 67 ก่อเหตุลักทรัพย์ได้ทรัพย์สิน 14 รายการ มูลค่ากว่า 3 แสนบาทในพื้นที่ สภ.โพธิ์กลาง จ.นครราชสีมา และในวันเดียวกันไปก่อเหตุบุกรุกเคหะสถานในพื้นที่ สภ.แก่งคอย จ.สระบุรี และ 27 ก.ย. 67 ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ สน.เตาปูน ทั้งนี้ผู้ต้องหาได้ไล่ก่อเหตุมาตั้งแต่จังหวัดมหาสารคาม ขอนแก่น สระบุรี จนมาก่อเหตุที่กรุงเทพฯ

นายสันติ รับสารภาพว่า ติดยาเสพติด ต้องการเงินเพื่อมาเสพยา และได้ยืนยันว่าวันเกิดเหตุได้หลบหนีเอง ส่วนทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์ จะเอาเงินหรือทรัพย์สินไปฝากไว้กับภรรยา เพื่อให้ภรรยาแปลงทรัพย์สินที่ขโมยมาได้ ส่วนภรรยาไม่ได้ร่วมก่อเหตุด้วย ที่เอาปืนจี้ตำรวจหลบหนีเกิดจากความเครียด เพราะมีการทะเลาะกันกับผู้ต้องหามาโดยตลอด

สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนายสันติอ้างว่าได้มาจากเพื่อน แต่จากการตรวจสอบของตำรวจพบว่าอาวุธปืนเป็นปืนที่ได้มาจากการขโมยมา เจ้าหน้าที่จะส่งไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบต่อไป 

นอกจากนี้ นายสันติยังรับสารภาพอีกด้วยว่า สาเหตุที่หลบหนีไปยังจังหวัดยโสธรเพื่อที่จะไปพักและต้องการเดินทางต่อไปยังจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อต้องการพบลูกอีกครั้ง หลังจากนั้นจะติดต่อขอเข้ามอบตัว แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน

ส่วนที่ต้องยิงตำรวจในวันเกิดเหตุนั้น นายสันติอ้างว่า ได้วิ่งหลบหนีตำรวจเกือบสุดทางและเหนื่อย จึงต้องการหยุดยั้งไม่ให้ตำรวจติดตามตัวได้ ส่วนที่เข้าบ้านผู้เสียหาย นายสันติได้อ้างตัวเป็นตำรวจ เพราะต้องการหาน้ำกินเท่านั้น หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะคุมตัวนายสันติส่งไปตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ และฝากขังในวันพุธ 9 ต.ค. ต่อไป.