คดี “เจ๊อ้อย” แจ้งความจับ “ทนายตั้ม” ฉ้อโกง 71 ล้านบาท ถึงไคลแมกซ์ “กองปราบฯ” ขอศาลออกหมายจับ “ทนายตั้ม” กับเมีย ข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน ประสานตำรวจทางหลวงตามรวบได้ขณะขับรถหรูปอร์เช่ไปกับเมีย กลางถนน 304 แยกพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ค้นรถเจอกระเป๋าเสื้อผ้าอ้างจะไปปฏิบัติธรรม ตำรวจโชว์หมายจับทนายตั้ม รวม 4 ข้อหา ส่วนเมียโดน 2 ข้อหา ถึงกับเครียด คุมตัวมาสอบสวนที่กองปราบปราม ทันที “ผู้ช่วยอ้อ” แฉยับ มีข้อมูลว่าผู้ต้องหาจะเดินทางหนีไปประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก ตัดสินใจสกัดจับไว้ก่อนเพราะถ้าปล่อยไปจะตามตัวยาก ที่ขอหมายจับเลยไม่ออกหมายเรียกเพราะมีพฤติกรรมยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เตรียมอายัดบัญชีธนาคารตรวจสอบ และไม่ให้ประกันตัวชั้นตำรวจ เตรียมส่งฝากขังศาลพรุ่งนี้
กรณี น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ เศรษฐินีชาวไทยอาศัยอยู่ประเทศฝรั่งเศส มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ดำเนินคดีนายษิทรา หรือทนายตั้ม เบี้ยบังเกิด ข้อหาฉ้อโกง หลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ หลังจากโอนเงินให้ 2 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 71 ล้านบาท การดำเนินการไม่คืบหน้า มอบหมายให้ทนายความติดต่อทวงเงิน จากนั้นร้องเรียนไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งโอนคดีจาก สภ.ปากช่อง มาให้กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ดำเนินการเรียกสอบสวนเจ๊อ้อยหลายครั้ง เรื่องราวบานปลายพบว่า มีการกล่าวหาว่าหลอกลวงเงินอีกหลายครั้ง เป็นเงินอีกหลายสิบล้านบาท แต่ยังไม่ได้ดำเนินการออกหมายเรียกหรือหมายจับทนายตั้ม
ขอศาลออกหมายจับ “ทนายตั้ม”
ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 พ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. และ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3บก.ป.นำสำนวนสอบสวนมอบให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ไปขออำนาจศาลอาญาพิจารณาออกหมายจับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ข้อหาฉ้อโกง ข้อหาฟอกเงิน ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน และขอหมายจับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของทนายตั้ม ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน กรณีคดีหลอกเงิน น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย
รวบทนายตั้มกับเมีย
หลังศาลพิจารณาสำนวนการสอบสวนอย่างละเอียด อนุมัติหมายจับนายษิทรา หรือทนายตั้ม เบี้ยบังเกิด ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ข้อหาฉ้อโกง ข้อหาฟอกเงิน ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และอนุมัติหมายจับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยานายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
กองปราบปรามไล่ล่าทันที
ต่อมาเวลา 10.00 น. หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ ชุดสืบสวนกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป.นำกำลังตำรวจกองปราบปรามเปิดปฏิบัติการติดตามจับกุมนายษิทราและนางปทิตตาทันที เริ่มจากบ้านพักในหมู่บ้านแกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ถนนบางเชือกหนัง แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กทม.ของนายษิทรา พบรถปอร์เช่ คาเยนน์ สีน้ำตาล ทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร ขับออกจากหมู่บ้านไปด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปยัง จ.ฉะเชิงเทรา
ตัดสินใจสกัดรถกลางถนน
ชุดสืบสวนกองปราบปรามพยายามขับรถติดตาม แต่เกรงว่าอาจตามไม่ทันทำให้ผู้ต้องหาหลุดรอดการจับกุมไปได้ประสาน พ.ต.ต.ก่อเกียรติ เกียรติตั้ง สว.ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงฉะเชิงเทรา) จ.ส.ต.พิษณุ มาลัยสอน ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล.นำรถวิทยุทางหลวง 3101 เปิดสัญญาณไฟวาบๆ ตามสกัดรถยนต์ของทนายตั้ม จนเวลา 12.00 น. ตัดสินใจหยุดรถบริเวณกลางถนนหลวง 304 แยกพนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
โชว์หมายจับถึงกับหน้าเครียด
ตรวจสอบภายในรถพบนายษิทรา เป็นคนขับและนางปทิตตา ภรรยานั่งอยู่ด้านข้างคนขับ เชิญลงจากรถ นายษิทรา สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีขาว ส่วนนางปทิตตาสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีขาวเช่นกัน ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ชุดสืบสวนกองปราบปรามแสดงหมายจับทางออนไลน์ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้งคู่ทราบ ก่อนควบคุมตัวไว้
อ้างขนเสื้อผ้าเตรียมไปทำบุญ
ตรวจสอบภายในรถพบกระเป๋าเดินทางบรรจุเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้อยู่ภายใน พร้อมเครื่องนอนและเอกสาร 1 ซอง วางอยู่ด้านหลังรถ อ้างว่าจะเดินทางไปปฏิบัติธรรม บันทึกจับกุมก่อนนำตัวผู้ต้องหาและรถเข้ามาสอบสวนที่กองปราบปราม หลังจากนั้นตัดสินใจส่งบันทึกจับกุมให้พนักงานสอบสวน สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ทางออนไลน์ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาและรถหรูปอร์เช่ เดินทางกลับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทันที
ปิดปากเงียบไม่ตอบนักข่าว
ต่อมาเวลา 13.45 น. ชุดสืบสวนตำรวจกองปราบปรามและตำรวจทางหลวง นำตัวนายษิทรา และนางปทิตตา สองผู้ต้องหา พร้อมรถปอร์เช่ เดินทางมาถึงกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ท่ามกลางผู้สื่อข่าวจำนวนมาก เมื่อนายษิทราและนางปนิตตาลงจากรถพบว่า นายษิทรามีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนภรรยาสวมแว่นกันแดดสีดำและคาดแมสก์ปิดบังใบหน้าระหว่างที่คุมตัวทั้ง 2 คน ผ่านกลุ่มผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่ กังวลหรือไม่ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไม่ตอบ ก่อนรีบเดินเข้าไปยังตัวอาคารกองบังคับการปราบปราม เพื่อสอบปากคำตามกระบวนการกฎหมายทันที
รวมมิตรคดีฉ้อโกง “เจ๊อ้อย”
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดีนายษิทรา หรือทนายตั้ม ถูกจับกุมครั้งนี้ มาจากคดีฉ้อโกงเงิน น.ส.จตุพร หรือเจ๊อ้อย อุบลเลิศ เป็นในส่วนของเงิน 71 ล้านบาท เงินซื้อรถเมอร์เซเดสเบนซ์ มูลค่า 13 ล้านบาท และเงินค่าเขียนแบบโรงแรมจำนวน 9 ล้านบาท ส่วนคดีฉ้อโกงเงินอีก 39 ล้านบาท และเงินส่วนอื่นพนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อกล่าวเพิ่มเติมต่อไป
ค้นบ้าน 2 หลังอายัดทรัพย์
ต่อมากำลังชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวนกองปราบปรามอีกชุด เดินทางไปขออำนาจศาลขอหมายค้นบ้านของทนายตั้มภายในหมู่บ้านแกรนด์บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า และบ้านเดิมใน จ.สมุทรสาคร รวมทั้งบ้านญาติพี่น้องของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เพื่อค้นหาหลักฐานต่างๆมาประกอบคดี สำหรับทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาได้ มีทั้งกระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับมีค่าอีกหลายสิบรายการ เบื้องต้นนำมาตรวจสอบว่า ได้มาจากการกระทำความผิดตามข้อหาที่แจ้งไปก่อนหน้านี้หรือไม่ หลังจากนี้จะรวบรวมทั้งหมดส่งมอบให้พนักงานสอบสวน เพื่อนำมาเป็นหลักฐานทางคดี
โดน 4 ข้อหา เมียโดน 2
ต่อมาเวลา 15.00 น. หลังตำรวจกองปราบปรามควบคุมตัวทนายตั้มพร้อมภรรยาเข้ามาดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.เข้าแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอย่างเป็นทางการรวม 4 ข้อหา ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาฉ้อโกง ข้อหาฟอกเงิน ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาสมคบฟอกเงิน ส่วนนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด แจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเริ่มสอบปากคำทั้งคู่โดยแยกห้องสอบสวน
ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
หลังสอบปากคำผ่านไป 1 ชม.มีรายงานว่า ทนายตั้มและภรรยาให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา ทั้งนี้หลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้วพนักงานสอบสวนจะไม่อนุญาตให้ทั้งคู่ประกันตัว เนื่องจากในหมายจับระบุ มีหลักฐานตามสมควรว่า ได้หรือน่าจะทำความผิดอาญา มีอัตราโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี ได้หรือน่าจะกระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น หลังจากนี้เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่างจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคุมขังที่กองปราบปราม คาดว่าวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) พนักงานสอบสวนถึงจะนำตัว
ผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขังศาลอาญาต่อไป
“ผู้ช่วยอ้อ” แจงขั้นตอนทำคดี
ต่อมาเวลา 16.15 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พร้อมเปิดเผยกรณีการจับกุมนายษิทรา เบี้ยบังเกิด และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำชับให้ตนเข้ามาดูแล เพื่อให้ตำรวจสวบสวนด้วยความรัดกุมรอบคอบ ที่ผ่านมาตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งจนแน่นหนา ก่อนจะออกหมายจับในวันนี้
แฉจะหนีออกนอกประเทศ
พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวต่อว่า เท่าที่ทราบทนายตั้มและภรรยามีพฤติการณ์จะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะอาจรับรู้ว่าตำรวจจะออกหมายจับ เนื่องจากช่วงที่ตำรวจไปขอหมายจับ ทนายตั้มออกจากบ้านย่านตลิ่งชันไปก่อน ขับรถมุ่งหน้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก ตำรวจติดตามพร้อมประสานตำรวจทางหลวงในพื้นที่ช่วยสกัดจับก่อนหนีออกนอกประเทศไปได้ ตำรวจเริ่มสะกดรอยจากสิ่งที่ตำรวจตรวจได้จนพบว่า เริ่มขับรถออกจากกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลตัดสินใจเข้าจับกุม แต่เนื่องจากสมรรถนะของรถตำรวจไม่เทียบเท่ารถของทนายตั้มและภรรยาที่ใช้เดินทาง และมีแนวโน้มออกนอกประเทศ หากปล่อยไว้เนิ่นนานอาจติดตามยาก
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ