ตำรวจพา “พระพิการ” รูปดังจับสึกพร้อมแจ้งข้อหา หลังมีคลิปเดินขอเรี่ยไรเงินว่อนโซเชียล อ้างทำเพื่อเผยแผ่หลักธรรมพระพุทธศาสนา

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีรายงานว่า พ.ต.ท.โชติพิสิฐ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผกก.ป.สน.พญาไท พ.ต.ต.มิตร คุณความดี สวป. สน.พญาไท ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ที่ปรากฏในสื่อโซเชียล เดินเรี่ยไรเงินอยู่บริเวณท้ายซอย เพชรบุรี 19 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ พบนายนิพนธ์ อุปถัมภ์ทิพยา อายุ 65 ปี ชาว จ.สระบุรี แต่งกายคล้ายพระสงฆ์กำลังเดินเรี่ยไรเงิน โดยมีการเปิดเครื่องเสียง มีลักษณะท่าเดินคล้ายคนพิการอยู่บริเวณดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ปรากฏในสื่อโซเชียลต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถาม และขอดูเอกสาร นายนิพนธ์ฯ ให้การว่าตนเป็นพระจริง และมีเอกสารหนังสือสุทธิแสดงการเป็นพระสงฆ์ โดยนายนิพนธ์ฯ ให้การยอมรับว่าตนได้เดินเรี่ยไรเงิน เพื่อแลกกับการที่ได้เผยแผ่หลักธรรมพระพุทธศาสนา

เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งนายนิพนธ์ว่า การกระทำเรี่ยไรเงินดังกล่าวไม่เหมาะสม เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ และได้เชิญตัวมายัง สน.พญาไท เพื่อตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม โดยนายนิพนธ์ยังให้การวกไปวนมา จับใจความได้ว่าเคยบวชเป็นพระที่วัดสระแก้ว ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เท่านั้น และยังแสดงท่าทีด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ยอมรับว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่จึงได้พาไปทำการลาสิกขาที่โรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อให้พ้นสภาพจากการเป็นพระภิกษุ จากนั้นได้นำตัวมายัง สน.พญาไท พร้อมแจ้งข้อหา “ก่อความเดือดร้อนรำคาญฯ” นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

จากการตรวจสอบประวัตินายนิพนธ์ ทราบว่า เดิมมีอาชีพทำเกษตรกรรมอยู่ที่ จ.สระบุรี และได้บวชเป็นพระที่วัดสระแก้ว ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู และเดินทางมาเรี่ยไรที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ อยู่พักใหญ่ โดยการใช้ไม้เท้า 2 ข้าง เดินเหมือนพระพิการ น่าเวทนา นั่งกับพื้นเอาบาตรวางเหมือนขอทาน ไม่เหมาะสม

จนกระทั่งตำรวจ สภ.พระประแดง ต้องจับสึกและโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นคลิปไวรัลมาแล้ว แต่นายนิพนธ์ได้กลับไปบวชอีกครั้ง โดยบวชเป็นการบวชสามเณร ที่วัดป่าจุลบัณฑิตาราม ต.หนองบัวใต้ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา แล้วเดินทางเข้ามาเรี่ยไรในกรุงเทพฯ ชั้นใน หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และเข้ามาในพื้นที่ สน.พญาไท จนกระทั่งมีพลเมืองดีแจ้งให้ไปจับสึกดังกล่าว นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติไม่พบว่าเคยก่ออาชญากรรมแต่อย่างใด.