จับแล้ว 2 ผัวเมียโหด ฆ่าชิงทรัพย์ “ชายวัย 60 ปี” ทิ้งศพไว้กลางทุ่งนา ก่อนพากันหลบหนี ลูกผู้ตายแจ้งความเพิ่ม บอกไปขโมยของที่บ้านพ่อหลายครั้ง

จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 67 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ยุทธนา พุกสุก สว.สอบสวน สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งมีคนพบศพ นายอุดม ขุนพิลึก อายุ 60 ปี เสียชีวิตอยู่ในทุ่งนา พื้นที่ ม.1 (บ้านถนนงาม) ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร สภาพศพมีรอยเลือดบริเวณหน้าท้องและเอวด้านขวา ชายเสื้อถลกขึ้นไปเกือบถึงหน้าอก ใกล้กันพบรอยเลือดอยู่บนถนนลูกรังจำนวนมาก และพบเศษขวดแตก และเศษหมวกกันน็อก เศษกางเกงของผู้เสียชีวิต และพบรองเท้าของผู้เสียชีวิตลอยอยู่ในน้ำเหนือศีรษะ

โดยหลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาตรวจสอบ และนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมาจากโคลน พบว่ามีรอยแผลตามร่างกายถูกของมีคมแทงบริเวณลำตัว 8 แผล ที่ศีรษะ 2 แผล ด้านหลัง 8 แผล ต่อมาตำรวจได้ออกหมายจับ 2 สามีภรรยา คือ นายสัมฤทธิ์ ไม้สนธิ อายุ 58 ปี และนางจิรวรรณ เอมพิน อายุ 32 ปี ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นและร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่น ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับเบาะแสว่า 2 สามีภรรยามือฆ่า ได้ถูกรวบตัวแล้วในตัวเมือง จ.อุทัยธานี โดยตำรวจได้รับแจ้งว่าทั้ง 2 คน ได้มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันริมถนนเสียงดังในตัว อ.เมือง จ.อุทัยธานี ตำรวจได้เข้าตรวจสอบ พบว่าทั้งคู่มีอาการมึนเมามีปากเสียงกัน โดยได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพักตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีหมายจับ จึงได้แจ้งให้ตำรวจเจ้าของคดีเข้านำตัวกลับไปดำเนินคดี

สอบปากคำเบื้องต้น ทั้ง 2 คน กำลังจะหนีไปที่ จ.ชัยนาท เอารถจักรยานยนต์ผู้ตายไปจำนำในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ได้เงิน 2,000 บาท โดยตำรวจกำลังขยายผล เพื่อนำของกลางกลับมา ขณะที่ตลอดทั้งคืน ตำรวจ สภ.คลองขลุง ได้สอบปากคำทั้งคู่รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยฝ่ายหญิงรับว่า ให้ฝ่ายชายล็อกตัวผู้ตายแล้วใช้ขวดฟาดไปที่ใบหน้า และใช้มีดปลอกผลไม้ที่ติดตัวมาจ้วงแทงไปนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะทิ้งศพไว้ในทุ่งนา ได้เงินจากผู้ตายไป 500 บาท

จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปที่บ้านของผู้ตาย เพื่อรื้อค้นทรัพย์สินเพื่อหลบหนีไป โดยได้พระพุทธรูปจำนวน 3 องค์ และมีดดาบยาว 1 เล่ม จากนั้นได้ไปขอซื้อน้ำมันที่อู่ของหลานผู้ตาย และมุ่งหน้านำเสื้อผ้าไปไว้ที่บ้านญาติใน ต.ปางตาไว อ.ปางศิลาทอง และหลบหนีเข้าพื้นที่ อ.ลานสัก จ.อุทัย และกำลังจะหลบหนีไป จ.ชัยนาท ก็มาถูกจับเสียก่อน

ต่อมาในเวลา 09.00 น. ลูกสาวและอดีตภรรยาของผู้ตาย ได้เข้ามาที่ สภ.คลองขลุง เพื่อให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม โดยให้ข้อมูลกับสื่อว่า รู้สึกโล่งใจที่ตำรวจจับทั้งคู่ได้ และขอให้ทั้งคู่ไปชดใช้กรรมตามกฎหมายในคุก ซึ่งก็มาแจ้งความทั้งคู่เพิ่ม เพราะเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของพ่อตนไปอีกหลายรายการ ซึ่งหากมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตนอาจจะไม่ขอไปดูเพราะอาจจะอดใจไม่ไหวกับความโหดเหี้ยมที่ทำกับพ่อตนเอง

จากนั้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นางปิยะรัตน์ อายุ 43 ปี น้าสาวของฝ่ายหญิงที่ก่อเหตุ ได้เดินทางมาขอเยี่ยมหลานสาว หลังทราบว่าถูกจับตัวได้แล้ว เผยว่า ตามข่าวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งยังตกใจกับสิ่งที่หลานสาวได้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้

แต่ตำรวจยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม พร้อมข้อมูลว่าช่วงเวลา 13.00 น. วันนี้ จะนำตัวทั้งคู่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้หลายสิบนาย เพื่อป้องกันเหตุรุมประชาทัณฑ์.