“สืบนครบาล” บุกทลายรังตั้งซิมบ็อกซ์เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในอพาร์ตเมนต์ย่านรามคำแหง รวบ 2 หนุ่มสาวชาวจีน อ้างเป็นนักศึกษารับเช่าห้องพัก ให้เพื่อนร่วมชาติ เจอของกลางอื้อ ทั้งซิมบ็อกซ์ 8 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ประกอบเพียบ ตะลึงพบวิธีการใหม่ ไม่ใส่ซิมการ์ดในเครื่อง ใช้วิธีส่งสัญญาณมาจากประเทศสิงคโปร์ ไม่ใช่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคย ทำให้หมายเลขที่ขึ้นในโทรศัพท์มือถือเหยื่อระบุว่าโทร.มาจากในประเทศ เจอสัญญาเช่าห้องอีกอื้อเตรียมเข้าตรวจค้นอีก 14 จุด ก่อนขนอุปกรณ์เผ่นหนี ผอ.ศปอส.ตร.ประกาศเตรียมดำเนินคดีกับคนขายซิมการ์ดและผู้เปิดเบอร์โทรศัพท์ให้แก๊งเหล่านี้ด้วย

สืบนครบาลบุกจับหนุ่มจีนเช่าห้องวางซิมบ็อกซ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.พรทวี สมวงศ์ ผกก.สน.หัวหมาก พร้อมกำลังนำหมายค้นศาลอาญาที่ 1170/2567 ลงวันที่ 24 ธ.ค.67 เข้าตรวจค้นห้องเลขที่ 2116/101 ชั้น 5 อาคาร 1 พนาสิน เพลส ซอยรามคำแหง 24/3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. เป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่าสูง 7 ชั้นปลูกติดกันหลายอาคาร เบื้องต้นควบคุมตัว 2 ชายหญิงชาวจีน พร้อมของกลาง อุปกรณ์ซิมบ็อกซ์ 8 ชุด เราเตอร์อินเทอร์เน็ต 2 ตัว สวิตช์ฮับ 1 ตัว กล้องวงจรปิด 1 ตัว และอุปกรณ์สำรองไฟ 1 ตัว

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากชุดสืบนครบาล ตรวจสอบผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง แกะรอยจากคดีผู้เสียหายใน จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ความเสียหาย 10,600 บาท หลังเหยื่อแจ้งความผ่านศูนย์ AOC 1441 ใช้เวลาตรวจสอบกว่า 30 วัน จนพบออฟฟิศสั่งการอยู่ย่านหัวหมาก ติดตั้งกล้องวงจรปิดดูความเคลื่อนไหวหน้าห้องสั่งการผ่านออนไลน์ ขอหมายเข้าตรวจค้นพบของกลางและผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลังตรวจสอบเครื่องซิมบ็อกซ์ของกลางพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ก่อนพูดคุยกับผู้ต้องหาชาวจีนผ่านล่าม เบื้องต้นทราบชื่อนายหมิง หง ถัน (Mr.MINGHONG TAN) อายุ 19 ปี ชาวจีน เป็นตัวการพร้อมแฟนสาวชาวจีนให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับห้องดังกล่าว รับเป็นเพียงนายหน้ารับเช่าห้องพักในกรุงเทพฯให้คนจีนเท่านั้น เข้ามาประเทศไทยฐานะนักศึกษา นอกจากนี้ยังพบหลักฐานสัญญาเช่าอีกจำนวนมากอยู่ระหว่างตรวจสอบ

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร กล่าวว่า จากการสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลขยายผลจากผู้เสียหายที่แจ้งความทางออนไลน์ไว้กว่า 100 คดี จนพบการลักลอบนำซิมบ็อกซ์มาใช้หลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบคนร้ายใช้ห้องที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ มีซิมบ็อกซ์ทั้งหมด 8 เครื่อง 1 บ็อกซ์จะมี 32 ซิม รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆ ครั้งนี้พบวิธีการที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างชัดเจน 2 วิธี 1.สัญญาณที่ส่งมาใช้ซิมบ็อกซ์มาจากประเทศสิงคโปร์ ไม่ได้มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เมียนมา หรือลาว เพื่อไม่ให้ตำรวจตรวจสอบที่มาของสัญญาณได้ หลังจากนี้จะขยายผลหาศูนย์ที่แท้จริงของขบวนการ ที่เดิมเชื่อว่าอยู่ในจุดเดิมๆที่เคยจับกุมได้ 2.ซิมบ็อกซ์ที่ได้มาครั้งนี้เป็นรูปแบบใหม่ ไม่พบซิมการ์ดเลย ซิมการ์ดอยู่ในต่างประเทศทั้งหมด เป็นวิธีการเลี่ยงไม่ให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ลงทะเบียนซิมรวมถึงผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตำรวจจะสามารถขยายผลได้

“การดำเนินคดีสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน เป็นผู้ดูแลอุปกรณ์ซิมบ็อกซ์และผู้ทำสัญญาเช่า เข้าประเทศไทยมาได้ 2-3 เดือน จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาใช้ชื่อเปิดห้องพักอีกหลายแห่ง ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ พยานหลักฐานของตำรวจค่อนข้างชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลซิมบ็อกซ์ จะขยายผลตรวจค้นอีก 14 จุด จากการสืบสวนการกระทำดังกล่าวของกลุ่มคนร้าย ใช้เครื่องมือซิมบ็อกซ์เป็นตัวกลางการโทรศัพท์มาจากต่างประเทศผ่านเครื่องซิมบ็อกซ์เพื่อให้หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏที่โทรศัพท์ของเหยื่อเป็นหมายเลขโทรศัพท์ในประเทศไทย ส่วนการดำเนินการกับผู้เปิดซิม ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผล ต้องดำเนินคดีกับผู้ขายซิมและผู้ลงทะเบียนให้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ขายซิมการ์ดให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องถูกจับกุมฐานตัวการหรือสนับสนุน” ผอ.ศปอส.ตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขีดเส้นปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ได้ภายในปี 2568 พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า ตำรวจมั่นใจว่าทำตามนโยบายรัฐบาลได้ ตำรวจทำงานเต็มที่ร่วมกันหลายหน่วยงาน คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีจำนวนมากทำให้การทำงานของตำรวจต้องปรับตัวอย่างมาก ข้อมูลต่างๆต้องได้มาอย่างรวดเร็ว รวมถึงข้อมูลธนาคารต่างๆทำให้หลายหน่วยต้องปรับตัว ผบ.ตร.ให้ความสำคัญเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ ไม่กดดันที่กำหนดเวลา เพราะเป็นเรื่องดีที่ตั้งเป้าหมายไว้ เป็นของขวัญให้ประชาชน ส่วนการทำงานมีหลายวิธีดำเนินการผ่านอินเตอร์โพล รวมถึงการพูดคุยหาความร่วมมือเพื่อบังคับใช้กฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคู่ไป

เบื้องต้นแจ้งข้อหามี ใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตาม ม.6 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตาม ม.11 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต อันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ตาม ม.67 (3) พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เผยความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า จากที่เคยเป็น ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พูดคุยกับกัมพูชา เมียนมา ลาว ถึงขบวนการที่อยู่ต่างประเทศ ตอนนี้ยังเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เรามีข้อมูลมีหมายจับอยู่ในมือ และยังประสานต่อเนื่องว่าต้องตามตัวคนพวกนี้กลับมาดำเนินคดี ขณะที่ความเคลื่อนไหวของข้อมูลบัญชีธนาคาร สมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินให้ความร่วมมืออย่างดี เวลานี้ขยับกันทุกหน่วย เชื่อข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานต่างๆเป็นประโยชน์กับการสืบสวน ขอประชาสัมพันธ์ว่า บช.สอท.สร้างแอปพลิเคชัน Cyber Check เพื่อให้ประชาชนโหลดตรวจสอบข้อมูล ทั้งหมายเลขโทรศัพท์ เบอร์บัญชีของเราถูกนำไปใช้หรือไม่ สินค้าจริงหรือไม่ ขณะที่ตำรวจท่องเที่ยวมีแอปพลิเคชัน Thailand Tourist Police ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่เพื่อป้องกันการถูกหลอก และเตือนภัยในพื้นที่อันตราย