“คาถาบูชาเมีย”…เป็นคำพูดที่มักใช้ในเชิงขำขันในสังคมไทยเมื่อพูดถึงการทำให้ชีวิตคู่สงบสุขและความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว คำพูดนี้มักจะใช้เพื่อเตือนให้คู่ครอง โดยเฉพาะฝ่ายชาย ให้ฟังและให้ความเคารพภรรยา ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตครอบครัวราบรื่นขึ้น

อย่างไรก็ตาม การใช้ “คาถา” จริงๆก็คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับการสื่อสาร…การฟังความคิดเห็น…การให้เกียรติกันและกันในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของชีวิตคู่ที่มีความสุข

เอาจริงๆหากจะพูดแบบขำๆก็อาจมี “คาถา” ที่ชอบพูดกันในหมู่เพื่อนๆ อาทิ “เมตตาจิต จงมาสถิตในใจเรา ให้เราฟังและเข้าใจสิ่งที่เธอพูดทุกวัน”…“สัพเพ สัตตา ฟังเมียเป็นสุข”

“สัพเพ สัตตา ฟังเมียเป็นสุข”…เป็นการเล่นคำขำขันที่อิงกับหลักศาสนาพุทธ โดยนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อสร้างความบันเทิง สื่อถึงความสำคัญของการฟัง ให้เกียรติภรรยาในการใช้ชีวิตคู่

ถึงแม้ว่าคาถานี้จะไม่ได้มีผลทางเวทมนตร์จริงๆแต่ถ้ามองในมุมเชิงความสัมพันธ์ การ “ฟัง” และให้ความสำคัญกับความคิดของภรรยาจริงๆจะมีผลดีต่อชีวิตคู่ โดยเฉพาะการสื่อสารที่ดีและการเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจกันมากขึ้น

ดังนั้นในทางปฏิบัติ หากคุณฟังและให้ความสำคัญกับภรรยาอย่างจริงใจ “ความสุข” ในชีวิตคู่ก็จะตามมา ไม่ใช่เพราะคาถา แต่เพราะการปฏิบัติที่ดีและการดูแลความสัมพันธ์อย่างใส่ใจต่างหากครับ

คำว่า “เชื่อเมียแล้วชีวิตจะรุ่งเรือง” ประหนึ่งเป็นสุภาษิตหรือคำแซวที่มักได้ยินกันบ่อยในสังคม ซึ่งมักจะใช้ในทางขำขัน แต่หากมองในแง่การใช้ชีวิตคู่ การฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจซึ่งกันและกันในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างชีวิตที่ดีร่วมกัน

สิ่งที่ทำให้ชีวิตรุ่งเรืองจริงๆคือการมีการสื่อสารที่ดี…การเคารพซึ่งกันและกัน…และการทำงานร่วมกันเป็นทีม “การฟัง”…ให้คุณค่ากับความคิดของคู่ครอง ช่วยสร้างความเข้าใจ และทำให้การตัดสินใจร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ย้ำว่า…ถ้าคุณมองในแง่ของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ครอง การฟังความเห็นของกันและกันไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ชีวิตรุ่งเรืองได้

“คาถาบูชาผัว”…เป็นอีกหนึ่งวลีที่มักถูกนำมาใช้ในเชิงขำขันเพื่อสื่อถึงการดูแลหรือเคารพสามีในชีวิตคู่ เช่นเดียวกับ “คาถาบูชาเมีย” ที่เราได้พูดถึงก่อนหน้านี้ คาถาบูชาผัวก็คือการสื่อถึงความสำคัญของการมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคู่ครอง ผ่านการฟังกัน การสนับสนุนซึ่งกันและกัน การให้เกียรติแก่กันในชีวิตประจำวัน

แม้ไม่มีคาถาเวทมนตร์จริง แต่การใช้ “คาถา” เชิงขำขันเพื่อเตือนใจให้ทำสิ่งดีๆต่อสามีก็สามารถนำมาใช้ได้ ดังเช่น…“สัพเพ สัตตา ฟังผัวเป็นสุข”…“โอมนะโม ฟังผัวแล้วโชคดี”

“นะโม เมตตา ผัวเจริญๆ”

อย่างไรก็ตาม การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสามีนั้นอาศัยการให้เกียรติ ความเคารพ และการให้ความสำคัญในชีวิตคู่เหมือนกันกับที่สามีควรทำต่อภรรยา การดูแลและสนับ สนุนกันจะช่วยให้ชีวิตคู่มีความสุขและความมั่นคง

“คาถามหาเสน่ห์”…เป็นคาถาที่เชื่อว่ามีอานุภาพในการเพิ่มเสน่ห์และความเมตตา ทำให้ผู้คนรักใคร่และเอ็นดู ซึ่งเป็นความเชื่อที่สืบทอดมาจากวัฒนธรรมไทยและศาสนาพุทธในบางภูมิภาค น่าสนใจว่าคาถามหาเสน่ห์เหล่านี้มักถูกใช้เพื่อเสริมสร้างบุคลิก…ความน่าดึงดูดใจในสายตาผู้อื่น

ตัวอย่างคาถามหาเสน่ห์ที่สำคัญ…คาถามหาเสน่ห์ นิยมท่องเพื่อให้คนรักคนชอบและเมตตา “พุทโธ อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ มะอะอุ สิวังพรหมมา จิตตัง มหาลาโภ”ให้ภาวนาและตั้งจิตให้แน่วแน่ เพื่อให้เกิดความเมตตา เสริมเสน่ห์ ดึงดูดผู้คน

ถัดมา…คาถามหาเสน่ห์ ใช้ในทางเสน่ห์เมตตา “โอม นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ มะอะอุ”…ให้ท่องทุกเช้าเย็นด้วยจิตใจที่สงบ ซึ่งสามารถทาเครื่องสำอางหรือแต่งตัวขณะท่องก็ได้ เชื่อกันว่าจะเสริมเสน่ห์ให้กับผู้ที่พบเห็น

ถึงตรงนี้ให้รู้ไว้ว่า…เคล็ดลับในการใช้คาถามหาเสน่ห์นั้นผู้ท่องคาถาสำคัญว่าจักต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์…การท่องคาถาควรทำด้วยความเชื่อมั่นและจิตใจที่บริสุทธิ์ยิ่ง ไม่ควรใช้ในทางที่ผิดหรือหวังผลประโยชน์จากผู้อื่นในทางไม่ดี

อีกทั้งต้องหมั่น “ทำบุญ” และ “ปฏิบัติดี” อย่างเนืองนิตย์ ด้วยว่าการสร้างเสน่ห์และความเมตตานั้นไม่ใช่แค่จากคาถาเท่านั้น หากแต่ยังมาจากการกระทำที่ดี การมีจิตใจดี ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกชื่นชอบและเคารพ… แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วการใช้คาถาเหล่านี้จะได้ผลดีก็ต่อเมื่อเรามีการปฏิบัติตนดี มีเมตตาต่อผู้อื่น

และที่สำคัญ…รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วการสร้างเสน่ห์ที่แท้จริงนั้นย่อมต้องมาจากการกระทำและนิสัยของเราเองเป็นสำคัญ

“ศรัทธา”…นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้…“ลบหลู่”.

รัก-ยม

คลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม