เวทีเสวนา “ฆาตกรที่มองไม่เห็น : คนไทยตายปีละเท่าไหร่จากควันบุหรี่มือสอง” จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล ร่วมกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ และ สสส. รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย พ.ศ. 2562 พบคนไทย 70% ได้รับควันบุหรี่มือสอง เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองสูงถึง 20,688 รายต่อปี ผู้หญิงได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสองจากที่บ้าน 68% มากกว่าผู้ชายได้รับ 47% โดยเฉพาะผู้หญิงไทยอายุ 15-49 ปี ได้รับควันบุหรี่มือสองสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะการสูดควันบุหรี่มือสอง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิงถึง 1.24 เท่า

ด้าน ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รอง ผอ.ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ไทยพบเด็กอายุ 1-5 ปี อาศัยในบ้านที่มีคนสูบบุหรี่สูงถึง 55% โดยกรุงเทพฯ พบมากที่สุด 62% การที่เด็กรับนิโคตินจากควันบุหรี่มือสองเพิ่มความเสี่ยงก่อโรคมากขึ้น ทั้งงานวิจัยพบบ้านที่มีคนสูบบุหรี่ มีเด็กในบ้านป่วยฉุกเฉินต้องเข้า รพ.ถึง 67% ต้องนอน รพ.ถึง 32%

ขณะที่ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ กล่าวว่า ไทยมีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ แต่การบังคับใช้ยังทำได้ไม่ดี ขณะเดียวกันการห้ามสูบในที่สาธารณะส่งผลให้คนสูบในบ้านมากขึ้น จึงก่อปัญหาควันบุหรี่มือสองซึ่งต้องส่งเสริมรณรงค์โครงการบ้านปลอดบุหรี่รวมถึงในรถ ซึ่งตนกำลังพยายามผลักดันกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในรถเพราะมีพื้นที่จำกัดแคบ นิโคตินยังตกค้างอยู่ได้นาน ส่งผลไปถึงผู้รับมือสามด้วย หลายประเทศมีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในรถและอาคารชุดที่พักอาศัย เช่น คอนโดมิเนียม และจากการที่ตนได้พูดคุยกับหมอ รพ.ตากสิน พบสาวท้อง

ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าคลอดลูกออกมาน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ทำให้เกิดโรคง่าย เป็นเรื่องน่าห่วงเพราะวัยรุ่นหญิงตอนนี้สูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น.