กลาโหมยังระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์สนับสนุน ศปช.ส่วนหน้า เร่งฟื้นฟู กำจัดดินโคลน ฉีดล้างทำความสะอาดพื้นที่น้ำท่วม เดินหน้าต่อเนื่องให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด
วันที่ 29 กันยายน 2567 พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.เชียงราย ของนายกรัฐมนตรีและคณะวานนี้ (28 กันยายน 2567) ได้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าการบูรณาการแผนฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนในการฟื้นฟูเยียวยา พร้อมให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ส่วนหน้า โดยให้นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นที่ปรึกษา เพื่อเป็นศูนย์สั่งการและประสานงานในภาพรวม โดยให้ประจำที่หน้างานอย่างน้อย 30 วัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยให้มีการระดมพลผ่านทางกระทรวงกลาโหม และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกับอาสาสมัคร และหน่วยงานเอกชนต่างๆ
โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุต่อไปว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธาน ศปช. สั่งการให้เหล่าทัพเตรียมความพร้อมในการระดมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ ยุทโธปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ให้พร้อมเพื่อเข้าให้การช่วยเหลือสนับสนุนได้อย่างทันท่วงที ในขณะเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล ได้กระชับกำลังทหาร พลเรือน ประชาชนจิตอาสา และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนร่วมเร่งบูรณาการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัย จ.เชียงราย และพื้นที่ภาคเหนือตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เหล่าทัพได้มีการระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ อาทิ รถยนต์บรรทุก รถเกรด รถตักดิน รถบรรทุกขนาด 10 ตัน รถฉีดล้างน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาด เครื่องมือเครื่องใช้จำเป็นต่างๆ พร้อมนำเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงและอุปกรณ์ 100 ชุด ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระราชทานมาช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎรที่ประสบอุทกภัย ใน จ.เชียงราย และพื้นที่อื่นๆ โดยขณะนี้กำลังพลได้เร่งเข้าพื้นที่ทำความสะอาด ฉีดล้าง ขุดตักดินโคลน รวมทั้งกำจัดเศษขยะและสิ่งของที่เสียหายจากการถูกน้ำท่วมตามถนนหนทาง เส้นทางสัญจร แหล่งชุมชน บ้านเรือนประชาชน ซึ่งจะให้การช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ล่าสุด นายภูมิธรรม พร้อมด้วยคณะ เดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานลำปาง จากนั้นเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ต่อไปยังเขื่อนกิ่วคอหมา ต.ปงดอน อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง เพื่อบินตรวจสถานการณ์น้ำบริเวณแม่น้ำวัง เขื่อนกิ่วลม และเขื่อนกิ่วคอหมา อย่างใกล้ชิด โดยมีนางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ให้การต้อนรับ จากนั้นรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำจากรองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา กรมชลประทาน และการช่วยเหลือจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 32 กองทัพภาคที่ 3
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ปริมาณน้ำยังไหลลงเขื่อนกิ่วคอหมา และเขื่อนกิ่วลม แต่มีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำที่ปล่อย ทำให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ไม่รุนแรงเท่าปี 2554 แต่ยังคงมีน้ำบริเวณลุ่มน้ำวังท้ายเขื่อนกิ่วลม เขื่อนกิ่วคอหมา น้ำวังเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ลุ่มต่ำแม่น้ำวัง ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนของราษฎร และพื้นที่เกษตรกรรม ได้รับผลกระทบ จำนวน 12 อำเภอ 55 ตำบล 273 หมู่บ้าน 4,951 หลังคาเรือน
โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 32 ได้บูรณาการจัดตั้งศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัยเพื่อติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และศูนย์รับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.ลำปาง พร้อมระดมกำลังพลกว่า 600 นาย ในการจัดชุดออกปฏิบัติการเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ ชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย ชุดจิตอาสา ทหารสารวัตร เสนารักษ์ รถครัวสนาม กิจการพลเรือน รด.จิตอาสา และชุดปฏิบัติการจิตอาสาช่วยเหลือในการฟื้นฟูภายหลังจากเข้าสู่ภาวะปกติในภารกิจต่างๆ โดยมีการแบ่งมอบพื้นที่ให้กับมณฑลทหารบกที่ 32 รับผิดชอบ 7 อำเภอ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 17 รับผิดชอบ 4 อำเภอ และกองร้อยฝึกการรบพิเศษที่ 3 ค่ายประตูผา รับผิดชอบ 2 อำเภอ ซึ่งขณะนี้ได้ระดมกำลังพล ยุทโธปกรณ์เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว.
แหล่งข่าว: ไทยรัฐ